Light Yagami - Death Note

บันทึกลึกลับ!!....ตอน : พบกับ 10 อันดับบุคคลที่ลึกลับที่สุดของโลก ตอนที่ 2 ตอนจบ (Top Ten Mysterious People Pt.2 End)

มาต่อกันใน 5 อันดับที่เหลือกันต่อเลยจ้า....



อันดับที่ 5
ดี บี คูเปอร์ (D. B. Cooper)



ขอบคุณภาพจาก lehighvalleylive.com

ดี บี คูเปอร์ คือนามแฝงของสลัดอากาศที่ทำการบุกยึดเครื่องบินโบอิ้ง 727 และผู้โดยสารทั้งหมดเอาไว้เป็นตัวประกัน ขณะที่กำลังบินอยู่เหนือน่านน้ำแปซิฟิกทางตะวันออกเฉียงเหนือ ในวันที่ 24 เดือนพฤศจิกายน ปีค.ศ.1971 เพื่อแลกเปลี่ยนกับเงินสด 200,000 ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมกับร่มชูชีพ และในขณะนั้นเองที่เขาได้สั่งให้กัปตันนำเครื่องลงจอดยังสนามบินใกล้เคียง....


ขอบคุณภาพจาก seattlepi.com

ซึ่งหลังจากที่ได้สิ่งของตามที่ต้องการแล้วเขาจึงสั่งให้กัปตันนำเครื่องบินขึ้นไป จากนั้นในขณะที่เครื่องบินอยู่ในระดับความสูง 10,000 ฟุต เขาก็ได้กระทำบ้าบิ่นสุดขีด โดยเขาได้กระโดดร่มลงไป และหายตัวไปอย่างเป็นปริศนา!!!


ขอบคุณภาพจาก nymag.com

จนกระทั่งในปีค.ศ. 1980 มีเด็กชายพบเงินสดกว่า 5,800 ดอลลาร์สหรัฐถูกฝังอยู่กลางสันทรายในแม่น้ำโคลัมเบีย หมายเลขของธนบัตรตรงกับหมายเลขของเงินที่โดนขโมยไปพอดิบพอดี แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครสามารถจับตัวดี บี คูเปอร์มาลงโทษได้อยู่ดี 


ขอบคุณภาพจาก telegraph.co.uk

จากเหตุการณ์นี้เองที่ทำให้สนามบินทั่วโลกมีการจัดระเบียบเกี่ยวกับความปลอดภัยเสียใหม่ และเริ่มมีการนำเครื่องเอ็กซเรย์ตรวจจับและค้นวัตถุต้องสงสัยมาใช้โดยทั่วกัน....



อันดับที่ 4
เคาท์ เซนต์ เกอร์แมน (Comte St Germain)


ขอบคุณภาพจาก trianglebook.weebly.com

ข้าราชสำนักผู้นี้มีความสามารถอันหลากหลายทั้งศาสตร์และศิลป์ในฝรั่งเศส เพราะเขาเป็นทั้งข้าราชการ นักวิทยาศาสตร์ นักประดิษฐ์ นักไวโอลิน และนักประพันธ์มือสมัครเล่น ในขณะเดียวก็ยังเป็นบุคคลลึกลับของโลกด้วย ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่รู้จักกันเป็นอย่างดีในนาม Der Wundermann หรือวันเดอร์แมน (มนุษย์ประหลาด) 


ขอบคุณภาพจาก overthinkingit.com

ราวกลางศตวรรษที่ 20 เขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 ของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นที่ไม่วางใจของบรรดาข้าราชการบริพารในสมัยนั้น เพราะเขาเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 เป็นอย่างมาก แต่ต่อมาเขาก็ถูกจับกุมในข้อหาทางการเมือง....


ขอบคุณภาพจาก tumblr.com

ความลึกลับของเขานั้นคือที่มาที่ไปของเขาเองที่ถูกปกปิด มีเพียงบันทึกเกี่ยวกับตัวเขาที่ถูกเขียนขึ้นในปีค.ศ. 1745 ที่สามารถนำมาใช้ยืนยันการมีอยู่ของเขาได้เท่านั้น ซึ่งเนื้อหาภายในนั้นกล่าวว่า เขาเข้ามาอาศัยอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศสประมาณ 2 ปี

ทั้งในระหว่างนั้นก็ไม่เคยเปิดเผยประวัติของตัวเองให้ใครทราบเลย รู้แค่เพียงว่าเป็นคนเก่งที่หาตัวจับได้ยากคนหนึ่ง และมั่นใจว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายธรรมดาสามัญชนทั่วไปอย่างแน่นอน แต่อาจจะเป็นเชื้อพระวงศ์ หรือสายลับที่ถูกส่งตัวมายังฝรั่งเศสก็มิอาจล่วงรู้ที่มาที่ไปของคนผู้นี้ได้....ความลับของเขาก็ยังไม่มีใครไขได้จนถึงปัจจุบัน...






อับดับที่ 3
ชายในหน้ากากเหล็ก (Man in the Iron Mask)


ขอบคุณภาพจาก defrostingcoldcases.com

ชายผู้สวมหน้ากากเหล็กคนนี้เป็นนักโทษที่มีชีวิตอยู่ในช่วงของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส ก่อนที่จะสิ้นใจในเดือนพฤศจิกายน ของปี ค.ศ. 1703 โดยไม่มีผู้ใดได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขามาก่อนเลย เพราะเขาซ่อนตัวตนภายใต้หน้ากากสีดำอันแสนมืดมิดมาโดยตลอด....


ขอบคุณภาพจาก ancient-origins.net

อย่างไรก็ดี แท้จริงแล้วเรื่องราวของชายผู้นี้เป็นตัวละครหนึ่งในนิยายที่มีเค้าโครงจากเรื่องจริงส่วนหนึ่ง ซึ่งในเนื้อหามีใจความเกี่ยวกับชีวิตของชายผู้หนึ่งที่ถูกจับกุมโดยข้ารับใช้ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 และถูกส่งตัวไปคุมขังเอาไว้ในคุกลับแห่งปิเนรอล เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใดเข้าถึงตัวได้ พร้อมกันนี้นักโทษคนดังกล่าวยังโดนห้ามมิให้พูดคุยกับผู้ใดนอกจากได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการแล้วเท่านั้น หากเขาฝ่าฝืนจะถูกฆ่าในทันที....


ขอบคุณภาพจาก ancient-origins.net

หลายคนสงสัยว่าชายผู้นี้เป็นใคร ทำไมถึงสำคัญขนาดนี้ มีข้อสันนิษฐานว่า รือเขาจะเป็นพี่น้องฝาแฝดของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 และสาเหตุที่จองจำก็เพื่อให้บัลลังค์ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 มีความมั่นคง บางคนก็ว่า เขาอาจจะเป็นบิดาของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ซะเอง


ขอบคุณภาพจาก imgarcade.com

ซึ่งหลังจากที่เขาเสียชีวิตลงทางการก็จัดการทำลายข้าวของของเขาทุกชิ้น พร้อมกับฝังศพ และอย่างเงียบ ๆ และระบุชื่อบนป้ายหลุมศพว่า Eustache Dauger เท่านั้น โดยสุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครทราบที่มาที่ไปอย่างแท้จริงเสียที....


โปสเตอร์ภาพยนตร์ เรื่อง The Man in The Iron Mask
ภาพจาก listal.com

โดยเรื่องนี้เคยนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์หลายครั้ง ที่เราคุ้นกันดีก็เห็นจะเป็นเวอร์ชั่นที่มี พระเอกดัง ลีโอนาร์โด้ ดีคราปิโอ้ เป็นดารานำแสดง.... 






อันดับที่ 2
กิล เปเรซ (Gil Pérez)


ขอบคุณภาพจาก philurbanlegends.blogspot.com

เขาผู้นี้คือนายทหารสัญชาติสเปนซึ่งประจำการอยู่ที่พระราชวังเดลโกเบอนาดอร์ ในประเทศฟิลิปปินส์ แต่อยู่ๆ เขาก็ไปปรากฏตัวขึ้นในเมืองเม็กซิโกอย่างน่าฉงนเมื่อวันที่ 26 เดือนตุลาคม ปี ค.ศ. 1593 โดยที่เจ้าตัวก็ไม่ทราบเช่นกันว่ามาอยู่ที่เมืองแห่งนี้ได้อย่างไร!!


เขารู้เพียงแค่ ผู้ว่าของเมืองที่เขาประจำการอยู่นั้นกำลังจะถูกลอบสังหาร ซึ่งอีก 2 เดือนต่อมาก็มีข่าวจากเรือฟิลิปปินส์ยืนยันว่าคำพูดที่ถูกนำมากล่าวอ้างนั้น เป็นเรื่องจริงทั้งหมด แต่ในขณะเดียวกันยังมีพยานที่พบเห็นเปเรซ ในวันที่ 23 ในเดือนและปีค.ศ. เดียวกัน ก่อนที่เขาจะปรากฏตัวในเมืองเม็กซิโกด้วย ซึ่งไม่มีทางที่เขาจะเดินทางไปยังเม็กซิโกที่มีระยะทางห่างไกลกว่า 15,000 กิโลเมตรได้รวดเร็วในสมัยนั้น....



ขอบคุณภาพจาก cogitz.wordpress.com 

สุดท้ายแล้วเขาก็ได้ก็เดินทางกลับไปยังประเทศฟิลิปปินส์อีกครั้ง และไม่มีผู้ใดได้พบเห็นเขาอีกเลยนับตั้งวันนั้น จึงทำให้เรื่องของเขากลายเป็นปริศนาที่ได้ไม่มีใครได้ล่วงรู้ว่าเขาเดินทางโดยวิธีใดจนกระทั่งถึงปัจจุบัน!!





และแล้ว




ก็มาถึง





อันดับที่ 1!!





อันดับที่ 1
เด็กตัวเขียวแห่งวูลพิต (Green Children of Woolpit)



ขอบคุณภาพจาก ancient-origins.net

เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่เคยเขย่าคนทั้งโลก โดยที่ในปัจจุบันนี้ก็ยังคงเป็นประเด็นถกเถียงกันเรื่อยมา...

โดยเรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณศตวรรษที่ 12 กลางหมู่บ้านวูลพิต ของเมืองซัฟฟอร์คในประเทศอังกฤษ ในบ่ายวันหนึ่งของเดือนสิงหาคม 1887 ได้มีเด็กพี่น้องชายหญิงคู่หนึ่งปรากฏตัวขึ้นอย่างลึกลับภายในถ้ำกลางใจเมืองวูลพิต เมื่อชาวบ้านมาพบเจอทั้งคู่แล้ว ทุกคนก็ต้องตกตะลึง เพราะว่าเนื้อตัวของพวกเขานั้นเป็นสีเขียวไม่เหมือนมนุษย์!!  และเครื่องแต่งกายของพวกเขาดูแปลกประหลาด และใช้ภาษาที่ไม่มีใครเคยได้ยินมาก่อน เลยทำให้พี่น้องคู่นี้มีความพิเศษออกไป และได้รับความสนใจจากชาวเมืองเป็นอย่างมาก


ในช่วงแรกทั้งสองคนไม่ยอมรับประทานอะไรเลย นอกเสียจากถั่วเขียวสดที่ผู้คนนำมาให้ ไม่นานเด็กผู้ชายก็เสียชีวิตลงเนื่องจากร่างกายอ่อนแอ ส่วนเด็กผู้หญิงสามารถปรับตัวใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติและพูดภาษาอังกฤษได้พอประมาณจึงเล่าที่มาของตัวเองให้ฟังว่า พวกเขามาจาก "เซนต์มาติน" เมืองที่เต็มไปด้วยความมืดมิด จนกระทั่งวันหนึ่งทั้งสองคนได้ยินเสียงดังกึกก้องไปทั่ว จึงได้ออกเดินทางเพื่อตามหาเสียงนั้น ซึ่งกว่าจะรู้ตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองมาอยู่ในเมืองวูลพิตเสียแล้ว....

  
หลายฝ่ายพยายามที่จะอธิบายถึงความเป็นไปได้ว่า พวกเขามาจากไหน บางคนก็ว่า มาจากต่างมิติ มาจากโลกใต้พิภพ หรือแม้กระทั่งต่างดาวเอามาปล่อยตัวไว้ แต่ข้อสันนิษฐานที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คือ พวกเขาน่าจะหลบหนีสงครามกลางเมืิองมาจากหมู่บ้านใกล้ๆ และสาเหตุที่ตัวสีเขียวก็น่าจะมาจากโรคชนิดหนึ่งเพียงเท่านั้น...


แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่มีใครให้คำตอบที่ชัดเจน ล่วงเลยมาจนถึงปัจจุบัน และ เรื่องราวของเด็กตัวเขียวแห่งวูลพิตก็ได้กลายเป็นตำนานเรื่องเล่าสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน และ เมืองวูลพิตก็ได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งของอังกฤษ โดยใช้ตำนานของทั้งคู่เป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยที่พวกเราก็ยังคงไม่รู้ว่า ที่สุดแล้ว บุคคลทั้งสองนั้นเป็นใคร มาจากไหน และมาได้อย่างไร มันยังคงความลึกลับชวนให้เราค้นหา ตราบมาจนถึงทุกวันนี้....

จบแล้วจ้า...



ขอบคุณที่อ่านมาจนจบนะจ้ะ 
ยังไง โอกาสหน้าจะหาบทความดีๆ
ที่น่าสนใจมาฝากทุกๆท่านอีกนะครับ 
ขอบพระคุณที่ติดตามคร้าบบบ!! 




Bye bye , See U later. 

บันทึกลึกลับ!!....ตอน : พบกับ 10 อันดับบุคคลที่ลึกลับที่สุดของโลก ตอนที่ 1 (Top Ten Mysterious People Pt.1)

นานมาแล้ว เคยมีบุคคลที่เราไม่เคยทราบ ว่าพวกเขาเป็นใคร มาจากไหน และมาปรากฏตัวอยู่ตรงนั้นได้อย่างไร แต่ทว่า พวกเขากลับมีความสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์โลก ทั้งๆที่เรากลับไม่เคยรู้ถึงที่มาที่ไปของพวกเขาเลยแม้แต่น้อย ความลึกลับของพวกเขาไม่เคยถูกเปิดเผย ทั้งที่ตั้งใจปกปิด และทั้งที่ถูกปกปิดมาตั้งแต่ต้น จนเมื่อพวกเขาตายไป หรือหายสาปสูญ ความลึกลับเหล่านั้นก็ยังคงค้างคาใจมาจนถึงปัจจุบัน....


พวกเขาเหล่านั้นเป็นใครกันแน่? นั่นคือคำถามหลังจากที่เราศึกษาประวัติ ความเป็นมา ที่ยังลี้ลับซับซ้อนของพวกเขา ใยทุกคนต้องปกปิด ทำไมพวกเขาต้องปิดบัง และที่สุดแล้ว เหตุผลที่พวกเรายังคงไม่รู้ มันก็ยังคงความลึกลับต่อไป ให้เราได้ศึกษา ในอีกด้านของความรู้ ที่ไม่เคยถูกบรรจุไว้ในตำราเรียน...


แหม่ะ!! เกริ่นมาซะยิ่งใหญ่อลังการงานเวอร์ เวิ่นเว้อซะ...เสียเวลาอ่านเนอะ ไปเข้าเรื่องกันดีกว่า ฮ่า....

ดูคลิปแบบย่อๆได้ที่นี่จ้า





 
มาเริ่มต้นกันใน อันดับที่ 10


อันดับที่ 10
มองซิเออร์ ชูชานี (Monsieur Chouchani)



ขอบคุณภาพจาก chouchani.com

อาจารย์เชื้อสายยิวผู้ลึกลับ ที่เคยถ่ายทอดวิชาให้กับลูกศิษย์ระดับสูงชาวยุโรปหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเขาเองจะมีการสไตล์แต่งตัวที่ดูเหมือนคนจรจัด แต่ความรู้ของเขานี่เข้าขั้นอัจฉริยะ ทั้งด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และปรัชญา ทั้งยังมีความรู้เรื่องคัมภีร์โบราณของยิวอีกด้วย



ขอบคุณภาพจาก chouchani.com

ซึ่งลูกศิษย์ที่เคยมีโอกาสได้รับการสั่งสอนล้วนมีหน้าที่การงานที่ใหญ่โตและมีชื่อเสียง ยกตัวอย่างเช่น นายเอ็มมีนัวส์ ลีวีนัสนักปรัชญา หรือนายเอลี วีเซลผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ



นายเอลี วีเซล 
ภาพจาก councilforthenationalinterest.org

แต่ถ้าหากถามถึงประวัติที่มาของเขากลับไม่มีใครสามารถให้ข้อมูลได้แน่ชัด เพราะทางการได้เก็บประวัติเขาเอาไว้ชนิดที่ว่า ลับสุดยอด....ทุกอย่างในชีวิตของเขาล้วนเป็นปริศนาทั้งสิ้น ทราบแค่เพียงว่าเขาปรากฏตัวครั้งแรกที่ปารีสในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้วเขาก็หายตัวไปอย่างลึกลับ จนกระทั่งครั้งสุดท้ายเขาก็ไปปรากฏตัวอยู่ที่ประเทศอุรุกวัยและเสียชีวิตลงในปี 1968 และที่มาที่ไปของเขาก็ยังคงความลึกลับตราบจนถึงทุกวันนี้




อันดับที่ 9
ชายลึกลับผู้มาคารวะศพ โป (The Poe Toaster)



ขอบคุณภาพจาก vablonsky.com

เอ็ดการ์ อัลเลน โป (บางท่านอ่านว่า โพ)เป็นนักเขียนเรื่องสั้นฆาตกรรมสยองขวัญชื่อดังชาวสหรัฐอเมริกา หลังจากการตายของเขาก็เกิดเรื่องราวที่น่าสนใจเกิดขึ้น ในทุกๆวันที่ 19 มกราคมของทุก ๆ ปีซึ่งตรงกับวันครบรอบวันเกิดของโป จะปรากฏชายลึกลับคนหนึ่ง ซึ่งไม่มีใครทราบข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับตัวตนของเขาเลย เขาจะแต่งตัวด้วยชุดดำ ปกปิดใบหน้าด้วยผ้าปิดจมูก สวมผ้าพันคอสีขาวและใส่หมวกสักหลาด ถือไม้เท้า และเมื่อมาถึงหน้าหลุมศพ เขาก็จะดื่มบรั่นดีคอนยัคที่เตรียมมา จากนั้นเขาก็จะวางขวดบรั่นดีที่เหลือครึ่งขวดเอาไว้ พร้อมกับดอกกุหลาบแดงอีก 3 ดอก วางเอาไว้ด้านหน้าหลุมศพ....



เอ็ดการ์ อัลเลน โป
ภาพจาก smithsonianmag.com

ในที่สุดเรื่องราวของเขาก็เป็นที่โด่งดัง เหล่าแฟนๆของโปจึงมักจะพากันมารวมตัวในวันครบรอบวันเกิดของโป เพื่อที่จะพบกับชายคนนั้น แต่เขากลับไม่ต้องการ จึงเป็นการยากมากที่จะมีใครเข้าถึงตัวและถ่ายภาพเขามาได้ แต่ที่ฮือฮาเห็นจะเป็นเหตุการณ์ในปี 1993 เมื่อมีผู้พบว่า เขาได้ทิ้งโน๊ตเอาไว้หลังจากการคารวะ โดยมีข้อความระบุว่า "คบเพลิงจะถูกส่งต่อ"



ขอบคุณภาพจาก frieze.com

จากเหตุการณ์นี้ จึงทำให้ทุกคนเชื่อว่า ชายลึกลับคนนี้กำลังจะมีการสืบทอดตำแหน่งนี้ต่อไป จนกระทั่งในปี 1999 ก็มีโน๊ตวางไว้โดยบ่งบอกว่า ตอนนี้ชายลึกลับคนเดิมได้จากไปแล้ว และตอนนี้คือผู้ที่กำลังจะมาสืบทอดต่อไป....

หลายครั้งมีผู้ยืนยันถึงความลึกลับของผู้มาคารวะศพโปว่า พวกเขาเห็นชายลึกลับผู้นี้ล่องลอยได้เหมือนวิญญาณ บางครั้งก็หายตัวไปอย่างลึกลับต่อหน้าต่อตา แต่ทว่าจนกระทั่งในราวปี 2010 เขาก็ไม่มาปรากฏตัวอีกเลย ทำให้ความลึกลับของชายผู้มาคารวะศพโป ยังคงความลี้ลับต่อไป ตราบจนถึงทุกวันนี้....





อันดับที่ 8
บาบุชกา เลดี้ (Babushka Lady) 


ขอบคุณภาพจาก reddit.com

หลังจากเหตุการณ์ลอบสังหารประธานาธิบดีจอห์น เอฟ เคนเนดี้ ในปีค.ศ. 1963 ได้ปรากฏมีผู้สังเกตเห็นหญิงนิรนามรายหนึ่ง ซึ่งเธอสวมเสื้อโค้ทสีน้ำตาลพร้อมกับปกปิดใบหน้าด้วยผ้าคลุม เธอได้ยืนอยู่ในจุดที่น่าสงสัยเป็นอย่างยิ่ง เพราะเธอยืนอยู่ใกล้กับรถของจอห์น เอฟ เคนเนดี้ และในวินาทีที่เคนเนดี้ถูกสังหารโดยปืนสไนเปอร์ เธอจึงสามารถมองเห็นเหตุการณ์ได้อย่างชัดเจน 



ขอบคุณภาพจาก coolinterestingstuff.com

ลักษณะท่าทางของเธอเป็นที่น่าสงสัยว่า อาจจะเป็นหนึ่งในผู้สมคบคิดก่อเหตุการณ์อันน่าสะเทือนขวัญครั้งนี้ขึ้น ซึ่งผู้เกี่ยวข้องและ FBI ก็ได้ออกตามหาตัวเธอเพื่อขอหลักฐานมาใช้ประกอบคดี โดยในปีค.ศ. 1970 มีคนอ้างตัวว่าเป็นผู้หญิงคนดังกล่าว โดยเธอชื่อ โลลิตา ดีวาโดวิช แต่สุดท้ายแล้วก็เป็นแค่คำโกหก ดังนั้นจนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครรู้ว่าผู้หญิงคนดังกล่าวเป็นใครจนกระทั่งบัดนี้....





อันดับที่ 7
คาสปาร์ เฮาเซอร์ (Kaspar Hauser)


ขอบคุณภาพจาก perseus.ch 
 
วันที่ 26 พฤษภาคม 1828 ได้มีหนุ่มน้อยลึกลับคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นบนถนนแห่งหนึ่งของเมืองนูแรมเบิร์ก ในประเทศเยอรมนี พร้อมกับจดหมายที่จ่าหน้าถึงผู้บังคับบัญชาแห่งกองพันทหารม้าที่ 6 เท่านั้น ซึ่งมีใจความว่า "เด็กผู้นี้ถูกนำมาทิ้งเอาไว้ที่บ้านตั้งแต่ยังเป็นทารก แต่ตอนนี้ไม่สามารถเลี้ยงดูได้อีกต่อไป จึงส่งตัวมาเพื่อให้เป็นทหารรับใช้ ท่านจะรับไว้ดูแล หรือแขวนคอเสียก็ได้"


ขอบคุณภาพจาก wikipedia.org

ไม่มีใครทราบว่าเขาเป็นใคร มาจากไหน อีกทั้งเขามีท่าทางงุนงงและตื่นตระหนก ทางการจึงได้จับตัวเด็กคนนี้ไปขังไว้ในคุกในข้อหาหลบหนีเข้าเมือง ในระหว่างนั้นเขาก็ได้เรียนรู้การพูดและการเขียนจากผู้คุม จนสามารถเล่าเรื่องที่มาของตัวเองได้ โดยกล่าวว่าก่อนหน้านี้เขาเคยถูกคุมขังไว้ในคุกมืดแคบๆ ไม่เคยได้พบเห็นหน้าหรือมีโอกาสพูดคุยกับผู้ใดมาก่อนเลย มีเพียงของเล่นม้าไม้ กับถูกฝึกให้เขียนคำว่า ทหารม้า และ คาสปาร์ เฮาเซอร์เท่านั้น...

ในทุกๆเช้าเมื่อตื่นนอนก็จะพบเพียงขนมปังและน้ำวางเอาไว้ หลายครั้งที่มันทำให้เขาหลับไปนานกว่าปรกติ และเป็นที่น่าประหลาดใจว่า เล็บและผมของเขาจะถูกตัดออกอย่างเรียบร้อยทุกครั้งที่เขาตื่นนอน 





ขอบคุณภาพจาก theguardian.com

มีข้อสันนิษฐานแตกต่างกันออกไป บ้างก็ว่าเป็นทายาทของราชวงศ์ บางก็กล่าวว่าเป็นเพียงเด็กเลี้ยงแกะชอบพูดโป้ปดเพื่อเอาตัวรอด จนกระทั่งในวันที่ 17 ธันวาคม 1833 เขาก็ตายโดยแผลถูกแทง ซึ่งก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาแทงตัวเอง หรือ ถูกฆ่า และแล้วศพของเขาก็ถูกฝังที่สุสานเล็กๆท่ามปลางปริศนาหลายๆอย่างที่ยังไม่มีใครสามารถไขได้เรื่อยมา....


ขอบคุณภาพจาก wikipedia.org

จนกระทั่งเมื่อปี ค.ศ. 2002 นักวิทยาศาสตร์ได้นำดีเอ็นเอที่ได้จากเสื้อผ้าของคาสปาร์ไปพิสูจน์กันอีกครั้ง โดยเทียบกับดีเอ็นเอของแอนตริส เมดินเจอร์ ผู้สืบเชื้อสายจาก สเตฟานี เดอ บัวฮาร์เนส ผู้เป็นมารดาของคาสปาร์ ซึ่งผลที่ออกมาปรากฏว่าคาสปาร์มีแนวโน้มว่าอาจจะเป็นทายาทผู้สืบทอดบัลลังก์ของกษัตริย์แห่งบาเดนจริงๆ!!



อันดับที่ 6
ฟูลคาเนลลี (Fulcanelli)


ขอบคุณภาพจาก secretfire.wordpress.com

เขาคือนักเล่นแร่แปรธาตุผู้เต็มไปด้วยปริศนามากมายที่ไม่เคยมีใครสามารถเปิดเผยหรือล่วงรู้ความจริงมาก่อนทั้งเรื่องส่วนตัวและชีวิตการทำงาน เขาใช้ชีวิตอยู่ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 มีเพียงเรื่องเล่าขานที่กล่าวกันมา โดยมีผู้กล่าวว่า เขาเป็นอัจฉริยะที่มีความรู้แตกฉานเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นทางด้าน ศิลปะวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม วิทยาศาสตร์ และ ภาษาศาสตร์...


ขอบคุณภาพจาก alchemy1961.tripod.com

เรื่องที่ทำให้ผู้คนตกตะลึงมากที่สุดก็คือ การที่เขาสามารถทำให้ตะกั่วจำนวน 100 กรัมกลายเป็นทองคำได้ แถมยังโปรยทองคำเหล่านั้นต่อหน้าบุคคลสำคัญๆหลายคนอีกด้วยนะ และครั้งนั้นเขาก็อ้างว่าเขาได้ใช้ผงสูตรลับพิเศษที่เขาได้รับการถ่ายทอดวิชามาจากอาจารย์เพื่อทำการแปรตะกั่วให้เป็นทอง และ ไม่เคยมีใครทำได้ในโลกใบนี้ นอกจากเขาคนเดียว...


ขอบคุณรูปภาพจาก beforeitsnews.com

นอกจากนี้เขายังมีความรู้ในเรื่องของอาวุธนิวเคลียร์ด้วย โดยเขาได้อธิบายหลักการ ขั้นตอน และวิธีการผลิตอย่างละเอียดให้กับนักฟิสิกส์ชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งฟังพร้อมทั้งยังทราบว่าอีกไม่นานมนุษย์ในโลกอนาคตจะมีการนำนิวเคลียร์มาใช้เป็นอาวุธต่อสู้ในศึกสงคราม ดังนั้นเขาจึงเสมือนเป็นกุญแจสำคัญของทั้งฝ่ายนาซีและฝรั่งเศสในสมัยนั้น หลายฝ่ายพยายามตามหาตัวเขา...

แต่ที่มาของเขามีเพียงคำบอกเล่าของลูกศิษย์เท่านั้น ต่อมาเขาได้เดินทางไปยังปราสาทที่ตั้งอยู่บนเขาสูงในประเทศสเปนเพื่อพบกับคนสำคัญคนหนึ่ง แต่หลังจากนั้นก็ไม่เคยมีใครได้พบเห็นอีกเลย และไม่แน่ใจด้วยว่าเขาลาจากโลกนี้ไปแล้ว หรือใช้ชีวิตอยู่อย่างคนอมตะไปตลอดกาล....


เอาล่ะครับ แค่ 5 อันดับแรกก็น่าสนใจกันแล้ว!!

พักกันก่อน เดี๋ยวตามไปต่อกัน กับ 5 อันดับสุดท้ายในภาคที่ 2 นะครับ!! 

ติดตามอ่าน ตอนที่ 2 ได้ที่นี่ คลิ้กเล้ยยยย!!