Light Yagami - Death Note

พาไปเที่ยว!!.....ตอน : รวมสถานที่ขนลุกสุดสยองจากทั่วโลก!! ตอนที่ 1

เอาล่ะ วันนี้มาขอย้อนความทรงจำกันนิดหนึ่ง...

เมื่อก่อนผมเคยเขียนบทความเกี่ยวกับสถานที่น่ากลัว และ มีอยู่จริงบนโลกนี้ไปแล้วหนหนึ่ง

แต่ช่วงนั้นผมยังไม่ได้ทำบล๊อกเป็นจริงเป็นจัง (อยู่ในช่วงลองผิดลองถูก)

มาวันนี้สำหรับบล๊อกนี้ คงเป็นบล๊อกหลักของผมเลย

ต่อไปนี้ผมจะได้ยำรวมเรื่องราวที่เคยเขียนเอาไว้มาไว้ที่นี่ให้หมดซะเลย...

ขอประเดิม บทความชิ้นแรก กันก่อนเลยละกัน มาย้อนความจำกันซะหน่อยกับ...

รวมสถานที่ขนลุกสุดสยองจากทั่วโลก!!

(อันนี้จะไม่มีการจัดอันดับนะครับ ให้ท่านผู้อ่านไปจัดกันได้เองตามความสยองส่วนบุคคล อิอิ...)


มาเริ่มกันที่แรกก่อนเลยจ้ะ....



Pluckley, Kent

หมู่บ้านผีสิงแห่งเกาะอังกฤษ



ที่นี่เป็นหมู่บ้านที่มีผีสิงมากที่สุดในสหราชอาณาจักร เมือง Pluckley อยู่ใกล้กับเมือง Ashford ในเคน ถ้าใครสนใจอยากจะเห็นผีมากกว่าโหลขึ้นไป ขอแนะนำที่นี่เลย


มันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าเกลียดน่ากลัว และน่าตกใจ เป็นที่ร่ำลือกันว่าคุณยังสามารถได้ยินเสียงร้องของวิญญาณในแทบทุกๆคืน และในทุกๆวันฮาโลวีนก็มักจะมีผู้คนแห่กันมาล่าท้าผีกันที่นี่ จนคนที่นี่เริ่มจะเบื่อกันทั้งเมืองอยู่แล้ว ว่าเข้าไปนั่น ฮ่าๆๆ....










The Island of the Dolls, (Island of dead) Mexico

เกาะตุ๊กตาหลอน ที่เม็กซิโก

 


Xochimilco เป็นอำเภอของเม็กซิโกซิตี้ที่มีพื้นที่กว้างขวางของคลองและเกาะเทียมที่มีชื่อเสียงที่สุดของซึ่งเป็นของผู้ชายคนหนึ่งชื่อ จูเลียนซานตาบาร์เรร่า หลังจากที่เขาค้นพบร่างของหญิงสาวที่ตายในคลองใกล้เคียง เขาจึงเริ่มเก็บตุ๊กตาทิ้งและชิ้นส่วนตุ๊กตาที่เขาจะเอามาแขวนบนต้นไม้บนเกาะของเขาด้วยความเชื่อที่ว่าจะสามารถขับไล่วิญญาณชั่วร้ายออกจากที่นี่ได้ 


ต่อมาเขาได้เสียชีวิตลงในปี 2001 แต่ยังคงมีตุ๊กตาหลงเหลือไว้บนเกาะดูน่าขนลุก คุณสามารถเข้าชมได้โดยทางเรือเพียงเท่านั้น .... สยองซะ....จะไปกันไหม อิอิ...






Hashima Island, Japan

เกาะร้างแห่งความสยอง ที่ญี่ปุ่น




เกาะนี้อยู่ห่าง 15km จากนางาซากิ เคยถูกใช้เป็นสถานที่ทำเหมืองถ่านหินระหว่างปี 1887 และปี 1974 มี​​ประชากรถึงจุดสูงสุดถึง 5,259 คนในปี 1959 หลังจากที่น้ำมันได้มาแทนที่ถ่านหินทั่วประเทศญี่ปุ่นในปี 1960, 



Hashima ถูกทอดทิ้งและเป็นที่รู้จักกันตอนนี้ว่าเป็น "เกาะผีสิง"ส่วนเล็ก ๆ ของเกาะมีการเปิดให้นักท่องเที่ยวในปี 2009 และการเดินทางไปเที่ยวชมสถานที่นี้ ต้องเดินทางด้วยเรือเพียงเท่านั้น.... อ่ะ อันนี้ หลายคนคงรู้จักแล้วนะ

 







Tower of London 

หอคอยแห่งลอนดอน หอคอยผีสิงระดับโลก ที่อังกฤษ



หอคอยแห่งลอนดอนสร้างมาเกือบพันปีแล้ว เป็นโบราณสถานที่มีประวัติเกี่ยวข้องโดยตรงกับการขึ้นครองราชย์ การแย่งชิงราชบัลลังก์และการสร้างชาติของอังกฤษ ที่นี่เคยใช้เป็นทั้งพระราชวัง ป้อมปราการ ที่คุมขังนักโทษและเป็นลานประหาร 


ผีที่ร่ำลือกันและมีคนกล่าวอ้างว่ามาปรากฎร่างให้เห็น ว่ากันว่าเป็นวิญญาณของเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ที่ต้องมาจบชีวิตในป้อมแห่งนี้ ส่วนใหญ่จากไปแบบ "ตายโหง" 


ความที่ใช้เป็นที่คุมขังนักโทษและลานประหารนี่เอง ทำให้หอคอยแห่งลอนดอนมีประวัติที่ชวนให้ขนลุกและน่าสยดสยองพ่วงเข้าไปด้วย... ผีขุนนางด้วยนะ อยากเห็น เชิญได้นะครับ อิอิ



The Hill of Crosses, Lithuania

สุสานไม้กางเขนอันน่าสะพรึงกลัว ที่ลิทัวเนีย



 เมืองซัวเลย์เป็นหนึ่งในเมืองที่มีความเก่าแก่ที่สุดเมืองหนึ่งของประเทศลิทัวเนีย ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ 1236 ในอดีตเป็นเมืองที่เคยถูกเผาในช่วงยุคสงครามถึง 7 ครั้ง 7 คราวด้วยกัน แต่ปัจจุบันสามารถฟื้นฟูได้จนกลายเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรม และอุตสาหกรรมที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของลิทัวเนีย


ระหว่างเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองชัวเลย์ เราจะพบสุสานไม้ กางเขน (Hill of Crosses) สถานที่อันแสดงถึงความเชื่อของผู้คนที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ซึ่งมีมายาวนานนับตั้งแต่ช่วงยุคสงคราม พบสุสานไม้กางเขนนับแสนชิ้นที่มีมากมายนับไม่ถ้วน จนกระทั่งปัจจุบันก็ยังมีคนนำมาทิ้งไว้อย่างต่อเนื่อง... บ้านเราก็มีนะ ทิ้งศาลเจ้ากองไว้เยอะๆแบบนี้เหมือนกันเป้ะๆ อึ้ยยยย....






Paris Catacombs 

สุสานหัวกระโหลกใต้ดิน ที่ฝรั่งเศส

 


เป็นสุสานใต้ดินที่ได้รับการกล่าวขานอย่างมากของกรุงปารีส โดยสุสานใต้ดินแห่งนี้ เป็นสุสานที่สร้างขึ้นเพื่อเก็บศพไว้ใต้ดิน โดยในอดีตนั้นประชากรในกรุงปารีสได้เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว และกรุงปารีสเองก็ไม่มีสุสานไว้เก็บกระดูกของคนตาย



ด้วยเสียงเรียกร้องของประชาชน จึงได้มีการจัดสร้างสุสานใต้ดินนี้ขึ้นมานั่นเอง ภายในสุสานคุณจะพบกับกำแพง กระดูก และกะโหลก ที่มีมากมายก่ายกอง และขอเตือนว่าคนขวัญอ่อนไม่ควรเข้าชม....แค่เห็นรูปก็ไม่กล้าแย้ววววว เง้อออออ....










Edinburgh Castle

หอคอยเฮี้ยน ที่สก๊อตแลนด์



ปราสาทเอดินเบอร์ก (เอ๊ดินเบอระ), สก็อตแลนด์ ปราสาทยุคกลางอันสง่างามแห่งนี้ ภายในเต็มไปด้วยห้องว่างเปล่า ทางเดินแคบๆ และเสียงสะท้อน แห่งความตาย เนื่องจากภายในปราสาทแห่งนี้ แม้แต่ตามถนนแคบๆ นั่นก็ด้วย ใช้เป็นที่กักขังและหลุมฝังศพในคราวเดียวสำหรับนักโทษและคนเป็นโรคระบาด


รวมทั้งศพของนักตีกลองที่หัวขาดจากการทำสงครามกับฝรั่งเศสและสงครามประกาศอิสรภาพของอเมริกัน เสียงร่ำลือของวิญญาณที่นี่ทำให้ทีมนักวิทยาศาสตร์นำโดย ดร.ริชาร์ด ไวสแมน จากมหาวิทยาลัยเฮิร์ตฟอร์ดเชียร์ เดินทางมาพิสูจน์เรื่องผีๆ ตั้งแต่ในปี 2001 เป็นต้นมา.... ที่ไหนที่มันใหญ่ๆโตๆเก่าๆนี่มันมักจะมีผีตลอดเลยอะเนอะ ไม่รู้ทำไม หุหุ.....





Pripyat, Ukraine

เมืองร้างแห่งความหลอน ที่ยูเครน



ยินดีต้อนรับสู่ Pripyat เมืองร้างที่เชอร์โนบิล เมื่อเครื่องปฏิกรณ์ที่สี่ในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เชอร์โนบิลระเบิดในเดือนเมษายนปี 1986 ได้ส่งกลุ่มควันหนาขนาดใหญ่ไปในยุโรป ไม่มีใครนึกว่าวันหนึ่งที่นี่จะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่น่าตื่นเต้น ทางยูเครนได้ประกาศการจำกัดการเข้าชม ถึงแม้จะอนุญาติให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมได้ แต่ก็ยกเว้นบริเวณรัศมี 30 กิโลเมตรจากเครื่องปฏิกรณ์ที่ระเบิด


โฆษกรัฐยูเครนกล่าวว่า "การเดินทางไปเยี่ยมชมเชอร์โนบิลจะเปลี่ยนพวกเขา คนจะรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ควรตระหนักถึงจากกรณีภัยพิบัตินิวเคลียร์"




ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า "รังสียังคงกระจายอยู่ทั่วบริเวณ ผู้เข้าชมควรปฏิบัติตามคำแนะนำและระมัดระวังอย่างมาก และอย่าแตกออกจากกลุ่มในระหว่างการสำรวจที่นี่" International Atomic Energy Agency กล่าวว่า ยังคงมีไอโซโทปกัมมันตรังสีอยู่ในเขตที่ยกเว้น ระดับความเสี่ยงอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ในช่วงเวลาที่จำกัด Pripyat เคยเป็นที่อยู่อาศัยของประชากร 50,000 คนรวมทั้งแรงงานจากโรงงานเชอร์โนบิลซึ่งอยู่ใกล้เคียง จนกระทั่งหลังการระเบิดของเตาปฏิกรณ์ 36 ชั่วโมง ได้มีการอพยพออกไป โดยบอกพวกเขาว่าจะอพยพไปเพียงสองสามวันเท่านั้น แต่ชาวเมืองก็ไม่ได้กลับมายังที่อาศัยของพวกเขาอีกเลย...


ทุกวันนี้เป็นเวลากว่าสองทศวรรษแล้ว ถนนของเมืองรก โรงเรียน อพาทเมนท์ และร้านค้า พังทลายตามกาลเวลา ตั้งแต่ของเล่นในโรงเรียนอนุบาล โฆษณาชวนเชื่อในยุคโซเวียต ที่ถูกลืม การเดินเล่นผ่าน Pripyat ทำให้รู้สึกเหมือนเป็นฉากหนึ่งในฮอลลีวูด


เชอร์โนบิลอยู่ห่างจากเมือง Kiev เมืองหลวงของยูเครนประมาณ 70 ไมล์ ไม่มีการท่องเที่ยวด้วยตนเองในเขตจำกัดและเป็นการท่องเที่ยวแบบวันเดียวที่ได้รับการรับรอง ราคาอยู่ที่ประมาณ 100 - 300 ดอลลาร์ ขึ้นอยู่กับจำนวนคนในกลุ่ม... ไปเที่ยวแล้วจะคุ้มไหมเนี่ย......











Craco City of the Dead

เมืองร้างแห่งความอาถรรพ์ ที่อิตาลี



เมืองร้างที่ถูกล้อมด้วยกำแพงในยุคกลางของเมืองคราโค่ที่ตั้งอยู่บนหน้าผาสูง 400 ฟุต เป็นเมืองที่ได้ชื่อว่า “ต้องคำสาป” ด้วยภัยพิบัติ ไม่ว่าจะเป็นภัยแล้งที่ทำให้ผลิตผลทางการเกษตรไม่ดี การถูกโจรปล้นบ้านเรือน และสุดท้าย การเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่หลายครั้งติดกัน ทำให้ผู้คนเสียชีวิตไปมากมาย และเสียหายเกินกว่าที่จะได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่ ในที่สุดทำให้เมืองล่มสลายลงใน ปี 1960

 

 




Borley Rectory, Essex 

โบสถ์ผีเฮี้ยน ที่อังกฤษ



โบสถ์แห่งบอร์ลีย์(บอร์ลีย์ เรคตอรีย์) หลังนี้ ตั้งอยู่ห่างจากกรุงลอนดอนไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ 60 ไมล์ แถบชานเมืองเอสเซกซ์ (Essex) ได้มีการบันทึกเป็นครั้งแรกไว้ในหนังสือ 1066 วันพิพากษา(1066 Doomsday Book) กล่าวถึงคฤหาสน์ของบอร์ลีย์ซึ่งต่อมามีการตั้งโบสถ์ไม้นี้ เมื่อ ค.ศ.1362 นักบวชในนิกายเบเนดิกทีน(Benedictine) และแม่ชีจากสำนักชีในละแวกนั้น ได้ถูกกล่าวหาว่ากระทำการเป็นหมอผี ทั้งสองพยายามที่จะหนี แต่ถูกพวกชาวบ้านที่งมงายขัดขวาง สุดท้ายนักบวชถูกแขวนคอ ส่วนแม่ชีถูกฝังให้เป็นภายในผนังของสำนักชี


โบสถ์ ของบอร์ลีย์เป็นอาคารก่อด้วยอิฐแดง สร้างใน ค.ศ.1863 โดยบาทหลวงเฮนรี ดาวสัน เอลลิส บุลล์ พระอธิการปกครองแห่งบอร์ลีย์ โดยท่านอธิการได้ตั้งรกรากอยู่ที่นี้กับภรรยา คือแครอลีน ทั้งสองมีลูกด้วยกันถึง 14 คน


หลังจากนั้นเป็นต้นมาเหตุการณ์ประหลาดก็เกิดขึ้น.................

ครั้ง แรก เมื่อวันที่ 18 กรกฏาคม ค.ศ.1900 โดยลูกสาว 3 คนของบาทหลวงเฮนรี บุลล์ ได้เห็นแม่ชีประหลาดคนหนึ่งเดินอยู่ในโบสถ์ จึงคิดไปทักทายตามมารยาท แต่ปรากฏว่าแม่ชีได้เดินหายเข้าไปทางด้านหลังโบสถ์อย่างไร้ร่องรอย หลังจากนั้นก็ได้มาปรากฏตัวโดยยืนอยู่ที่ประตูทางเข้าให้ช่างไม้ที่เข้ามาทำ งานเห็นถึงสี่ครั้งในเวลาต่างกัน


ตั้งแต่นั้นการได้เห็นแม่ชีปริศนานี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติธรรมดาสำหรับโบสถ์ แห่งนี้เสียแล้ว จนถึงปี ค.ศ.1928 สมาชิกครอบครัวของบาทหลวงบูลล์ก็ย้ายออกไป และบาทหลวงกาย สมิธและภรรยาก็เข้ามาอยู่แทน ทั้งสองได้ประสบเหตุการณ์ประหลาดสยองนอกเหนือจากการเห็นแม่ชีปริศนา เช่น จู่ๆ ก็มีก้อนหินขว้างมาโดยไม่ปรากฏผู้ขว้าง รอยเท้าประหลาด การได้ยินเสียงหลอนน่ากลัวยามค่ำคืน แสงไฟจากห้องมืด หรือแม้กระทั้งรถม้าปีศาจก็โผล่ออกมาให้เห็น ส่วนแม่ชีปริศนาก็โผล่มาแม้แต่ตอนกลางวันแสกๆ.....


ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1939 บอร์ลีย์ เรคตอรีย์ ถูกเพลิงไหม้เผาผลาญยุบลงกองกับพื้นเหลืออยู่แต่ตัวโครงอาคาร เหตุการณ์เกิดขึ้นก็เพราะว่าในตอนนั้น นายร้อยเอกดับบลิว. เอ็ช. เกรกอรีย์ ได้ซื้อบ้านหลังนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของตัวเองเลย และได้เข้าพำนักใน "บ้านผีสิง" 

ในระหว่างที่นายร้อยเอกเกรกอรีย์กำลังค้นหาหนังสือบางเล่ม หนังสือที่จัดตั้งไว้กองหนึ่งก็ปลิวกระจัดกระจายก็ไปกระแทกตะเกียงน้ำมันดวงหนึ่งพลิกคว่ำ ทำให้เกิดเพลิงไหม้ลุกลามไปทั่วสถานที่นั้น จนกระทั่งในที่สุดบอร์ลีย์ เรคตอรีย์ ถูกเผาผลาญยุบตัวหมดทั้งหลังเหลืออยู่แต่ส่วนโครงโด่เด่ หลังจากเกิดเพลิงลุกไหม้หนึ่งเดือน และเมื่อเพลิงสงบโบสถ์แห่งนี้ก็เหลือเพียงซากอาคารเท่านั้น...


แต่ถึงแม้โบสถ์จะเหลือแต่ซากก็ยังมีปรากฏการณ์ประหลาดเกิดขึ้นต่อเนื่อง มีสุภาพสตรีกลุ่มหนึ่งในท้องถิ่นนั้นได้ไปเยี่ยมชมซากอาคารเป็นสุภาพสตรีรวมสี่คน ทั้งสี่คนนั้นได้เห็น "ผู้หญิงคนหนึ่ง" สวมชุดสีฟ้า กำลังเดินเข้าห้องชั้นบนห้องหนึ่งจากนั้นก็เกิดหลายอย่างเป็นเวลาต่อเนื่องไปอีกกว่าหกปี! หลังจากนั้นปรากฏการณ์แปลกๆ ก็ค่อยๆ สงบลงตามลำดับเวลา


หลังจากวันที่ 29 เดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1945 เมื่อ มีผู้ค้นพบกะโหลกของหญิงสาวผู้หนึ่งภายในซากของอาคารแห่งนั้น ค้นพบหัวกะโหลกตรงจุดด้านล่างของส่วนพื้นห้องใต้ถุนของตัวอาคาร หัวกะโหลกนั้นได้ถูกนำไปกลบฝังตามพิธีการทางศาสนา

หลัง จากนั้นปรากฏการณ์แปลกๆ ที่จุดบอร์ลีย์ เรคตอรีย์ ก็แทบจะสงบลงโดยสิ้นเชิง ซากปรักหักพังของบอร์ลีย์เรคตอรีย์ ได้ถูกกวาดออกไปหมด จนราบเรียบเป็นหน้ากลอง


อย่างไรก็ตาม นายฮารีย์ ไพรส์ พร้อมด้วยกลุ่มเพื่อนฝูงของเขาพากันไปเยี่ยมเยียน "ซากแห่งบอลีย์ เรคตอรีย์" เป็นครั้งสุดท้าย และเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มของนายไพรส์เป็นตากล้องในสังกัดนิตยสาร "ไลฟ์" เขาได้ตั้งกล้องถ่ายภาพชุดครั้งนี้ ปรากฏว่ามีอยู่ภาพหนึ่งเมื่อนำฟิล์มมาล้างอัดภาพเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ปรากฏให้เห็นในภาพนั้น ก็คือก้อนอิฐก้อนหนึ่งจากซากอาคารลอยตัวตั้งเด่อยู่ท่ามกลางอากาศ ลอยตัวตั้งเด่อยู่ด้านหน้าของเขา โดนเห็นเป็นมืออันดำคล้ำของใครคนหนึ่งกำลังจับมันเอาไว้...!

แหม๋......เฮี้ยนซะขนาดนั้น!!!


พอหอมปากหอมคอกันไปนะครับ ไว้โอกาสต่อไปจะนำเสนอสถานที่ ที่น่าขนลุกจากทั่วโลกให้ดูกันต่ออีกนะครับ วันนี้ขนลุกมาพอแล้ว ฮ่าๆๆ... 

ใครที่ยังไม่หนำใจไปต่อกันที่ ตอนที่ 2 กันได้เลยนะครับ ฮ่า...

Thank CR : wikipedia.org 
Thank CR : telegraph.co.uk/travel

แชร์และแสดงความคิดเห็นผ่าน Facebook ได้ที่นี่เลยจ้า!!



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น