Light Yagami - Death Note

TOP FIVE By NopLucifer : 5 อันดับการค้นพบสัตว์ประหลาดลึกลับ เรื่องจริงหรือโกหกทั้งเพ! TOP FIVE : Mystery Monsters Truth or Fiction!

ในโลกยุคปัจจุบันนี้ อะไรๆก็สะดวกยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อน เพราะเรามีเทคโนโลยีหลายๆอย่างที่พัฒนา และช่วยอำนวยความสะดวกให้เราได้มากยิ่งขึ้น
 

เช่นกัน บางเรื่องราว เมื่อมีการค้นพบ หรือ เผยแพร่ มันก็มักจะมาถึงตัวเราได้อย่างรวดเร็ว แต่กระนั้นเลย บางอย่างเราก็ต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนด้วยว่า มันเป็นเรื่องจริง น่าเชื่อถือ หรือเรื่องที่กุขึ้น เพื่อหลอกลวงกัน...
 

เอาล่ะ เกริ่นอะไรเยอะแยะ พาเข้าเรื่องเลยดีกว่า ฮ่า....
 

วันนี้ผมจะพาทุกท่านไปพบกับ เรื่องราวที่ลึกลับ และ น่าสนใจ...

นั่นก็คือ!!!



5 อันดับการค้นพบสัตว์ประหลาดลึกลับ
ที่เป็นเรื่องจริง หรือ เรื่องโกหกทั้งเพ!!!





มาเริ่มต้นกันในอันดับที่....


อันดับที่ 5
No.5 De Loy's Ape ลิงยักษ์ที่เวเนซูเอล่า


 
ขอขอบคุณภาพจาก Wikipedia.org

Ameranthropoides loysi (De Loys'Ape) เป็นรูปถ่ายสัตว์ประหลาดที่รูปร่างเหมือนลิง ถูกพบโดยฟรังซัวส์ เดอ ลอยส์และคณะของเขาที่พบระหว่างทางในขณะตามหาแหล่งน้ำมันตามพื้นที่ชายแดนระหว่างโคลอมเบียและเวเนซุเอลาซึ่งส่วนมากใกล้กับเลค มาราโกโบในระหว่างปี 1917-1920 แต่ไม่ประสบผลสำเร็จเพราะต้องผจญกับโรคภัยการการต่อสู้กับชาวพื้นเมือง ส่งผลทำให้สมาชิกกลุ่มล้มตายหลายคน.....

จนกระทังในปี 1920 พวกเขาได้ตัดสินใจตั้งใกล้แม่น้ำแห่งหนึ่ง พวกเขาก็ได้เห็นสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่สองตัววิ่งเข้าหาพวกเขา ตอนแรกหลายคนคิดว่าเป็นหมี หากแต่เมื่อสังเกตดีๆ ก็พบว่าสัตว์ประหลาดดังกล่าวมีลักษณะแปลกประหลาด 

โดยชื่อว่าสองตัวดังกล่าวคือตัวเมียและตัวผู้ซึ่งพวกมันทำร้ายพวกเขา และเพื่อความปลอดภัยพวกเขาได้ยิงฆ่าสัตว์ประหลาดตัวผู้ไป ส่วนตัวเมียก็วิ่งหายเข้าไปในป่า

และเมื่อพิจารณาสัตว์ประหลาดตัวนี้ดีๆ ก็พบว่ามันเป็นสัตว์ที่หลายคนไม่เคยพบมากก่อน รูปร่างคล้ายกับลิงแมงมุม แต่มันมี ขนาดใหญ่มาก สูง 1.57 เมตร มีฟัน 32 ซี่( ลิงส่วนใหญ่บนโลกมี 36 ซี่) และไม่มีหาง ขนาดและรูปพรรณ ส่วนหน้าผาก ของพวกมัน แสดงให้เห็นว่ามันไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลยกับสัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนมในอเมริกาใต้ 


จากนั้นพวกเขาก็นำซากของมันมาจัดท่าทางนั่งบนลุงและเอาไม้พยุงไว้ที่ใต้คางของมัน จากนั้นก็ถ่ายภาพเพียงภาพเดียว และก็ทิ้งซากของมันไว้อย่างนั้น ทั้งที่ควรเก็บไว้เป็นหลักฐาน....

แน่นอนว่าต่อมาภาพดังกล่าวก็เป็นที่ถกเถียงกันว่ามันคือตัวละครกันแน่ หลายคนวิจารณ์มันว่าเป็นเรื่องหลอกลวง เพียงแค่เอาซากลิงมาถ่ายภาพ ในขณะที่บางคนแย้งว่ามันอาจเป็นลิงพันธุ์ใหม่ที่ไม่มีใครรู้จักมากว่า และเชื่อว่าภาพดังกล่าวคือสัตว์ประหลาดลิงของจริงเพราะดูจากหน้าอก มือ ใบหน้า และที่สำคัญคือส่วนหน้ากากสูงกว่าลิงอื่นๆ ที่มีการค้นพบ!!




อันดับที่ 4
No.4 Yeti เยติ ลิงยักษ์หิมะแห่งทิเบต



ขอขอบคุณภาพจาก moviemorlocks.com

ในปี 2011 ได้มีการเปิดเผยว่ากระทรวงต่างประเทศของอเมริกาได้ออกฎระเบียบในปี 1950 สำหรับผู้ที่คิดเดินทางไปเทือกเขาหิมาลัยในประเทศเนปาลและทิเบตเพื่อค้นหาเยติว่า นักเดินทางทุกคนจะต้องจ่ายค่าใบอนุญาต และถ้าเห็นสัตว์จะต้องการถ่ายภาพหรือถ่ายในขณะที่มันมีชีวิตอยู่ สิ่งมีชีวิตจะต้องไม่ถูกดฆ่าหรือถูกยิง เว้นว่าจะอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินจากการป้องกันตัวเองที่สุดในนั้น ส่วนรัฐบาลเนปาลได้จัดเยติเป็นสัตว์สงวนพันธุ์ทั้งๆ ที่ยังไม่มีมีหลักฐานการมีตัวตนของเยติข่าว ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าอเมริกาและรัฐบาลอื่นๆ ทั่วโลกเชื่อว่ามีเยติในเทือกเขาหิมาลัยตั้งแต่ปี 1950....

ประเด็นความน่าสนใจเริ่มขึ้นเมื่อเอริค ซิปตันรักไต่เขาชาวอังกฤษนักไต่เขาอังกฤษกับคณะเดินทางไปสำรวจยอดเขาเอเวอร์ เรสได้พบรอยเท้าเยติบนธารน้ำแข็ง เขาจึงประกาศว่าเมื่อก่อนเขาไม่เชื่อว่าเยติมีจริงแต่ตอนนี้เมื่อมาพบด้วยตา ของตนเอง เขาเชื่อว่ามีจริง บางทีจะเป็นสัตว์ใหญ่จำพวกลิงเอปอาศัยอยู่ตามภูเขาสูง เชื่อว่าอาศซัยอยู่ยอดเขาประมาณ 6,000 เมตร (20,000 ฟุต) เหนือระดับน้ำทะเล



ในปี 1956 ร้อยโทโปแลนด์ Sławomir Rawicz ผู้เขียนหนังสือThe Long Walk ได้อ้างว่าขณะที่เขาและพรรคพวกข้ามภูเขาหิมาลัยในปี 1940 ก็ได้พบสัตว์เดินสองเท้าสองตัวที่เชื่อว่าเป็นเยติขวางเส้นทางของพวกเขาในปี 1950 ทอม ซลิ คราชาน้ำมันจากรัฐเท็กซัส และนักผจญภัยได้เกิดความสนใจในเรื่องเยติ เขาสรุปว่าเยติมีสองชนิดคือตัวสีดำสูงประมาฯ 8 ฟุต (2.4 เมตร) และสีแดงขนาดเล็ก และเขาก็เคยเห็นเยติทั้งระยะใกล้และไกล ในปี 1959 เขาได้พบเยติในขณะไปประเทศเนปาล เขาได้เห็นไกล ปรากฏว่าสักสองสามนาที สิ่งมีชีวิตดังกล่าวสูว 5 หรือ 6 ฟุต (1.5-1.8 เมตร) มีขนสีแดง หลังจากสัตว์หายไป เขาและลูกทีมก็ค้นพบบริเวณที่มันปรากฏก็พบกองอุจจาระที่เชื่อว่าเป็นของ สัตว์ดังกล่าวที่ถ่ายออกมา.....

ไม่นานทอม ซลิคได้เก็บตัวอย่างและส่งมันไปวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการในฝรั่งเศส การวิเคราะห์พบปรสิตที่ชื่อว่า whipworm หรือพยาธิ แส้ม้า เป็นพยาธิตัวกลมชนิดหนึ่งในลำไส้มนุษย์ แต่พยาธิแส้ม้าดังกล่าวไม่สามารถจำแนกตารมวิทยาศาสตร์ได้ว่ามาจากสัตว์สาย พันธ์ใหม่ แสดงให้เห็นว่าเจ้าของอุจจาระนั้นเป็นสัตว์ลึกลับที่คนไม่รู้จัก ถ้าเรื่องดังกล่าวเป็นจริงอุจจาระนั้นเป็นหลักฐานว่าเยติมีอยู่จริงในเนปาล ปัจจุบันหลักฐานอุจจาระดังกล่าวอบู่ในพิพิธภัณฑ์นานาชาติ Cryptozoology ในพอร์ตแลนด์ รัฐเมนต์.....




นอกจากนี้ทอม ซลิค ยังให้ทุนแก่คณะนักสำรวจค้นหาเยติแต่ผลก็เหมือนกับคณะนักสำรวจอื่นๆ คณะนักสำรวจจากรัสเซีย เชคโกสโลวาเกีย และญี่ปุ่น เดินทางไปค้นหาเยติแต่ก็ไม่พบอะไรไปมากกว่าคณะนักสำรวจชุดที่แล้วๆ มา อีก ทั้งยังแอบขนชิ้นส่วนมือมัมมี่ที่เชื่อว่าเป็นของเยติกลับไปที่อังกฤษเพื่อ วิเคราะห์ด้วย อย่างไรก็ตามเขาก็ได่เสียชีวิตลงในปี 1962 จากอุบัติเหตุเครื่องบินตกในมอนแทนาเส้นทางไปแคนาดา ในขณะอายุเพียง 46 ปีเท่านั้น.....






อันดับที่ 3
No.3 Chupacabra ตัวดูดเลือดแพะ



ชูปากาบรา Chupacabra แปลว่า ตัวดูดเลือดแพะ เป็นสิ่งมีชีวิตลึกลับในตำนานชนิดหนึ่ง มีผู้ที่อ้างว่าพบเห็นมันครั้งแรกในเปอร์โตริโกในช่วงต้นทศวรรษที่ 50 และมีหลายคนรายงานว่า มันได้ฆ่าสัตว์ชนิดต่าง ๆ เช่น แพะ ด้วยการดูดเลือด เป็นจำนวนมาก และยังคงมีผู้พบเห็นมันมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน....

ปัจจุบันที่เปอร์โตริโก มีนักสำรวจท้องถิ่นได้สำรวจเรื่องราวเกี่ยวกับชูปากาบรา และพบถ้ำแห่งหนึ่งที่เชื่อว่าเป็นที่อาศัยของมัน และรอยเท้าของชูปากาบราก็มีลักษณะใหญ่คล้ายนกกระจอกเทศ....




จากการศึกษาซากสัตว์ที่เชื่อว่าตายด้วยการดูดเลือดของชูปากาบราจนหมดตัวนั้นของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พบว่า แท้จริงแล้วเลือดในตัวสัตว์เหล่านั้นยังมีอยู่ เพียงแต่ว่าถ้ามองจากภายนอกอาจดูเหมือนไม่มีเลือดเหลืออยู่ในตัวเลย เป็นเพราะเลือดในตัวสัตว์นั้นได้หยุดไหลเมื่อหัวใจหยุดเต้น และเชื่อว่า สัตว์ที่โจมตีสัตว์เหล่านี้นั้น น่าจะเป็น สุนัขป่าหรือลิงป่าอย่างไรก็ตามจากภาพสเกตช์ของผู้ที่อ้างว่าเคยพบเห็น ชูปากาบรามีรูปร่างหน้าตาหลากหลายต่างกัน แต่มีลักษณะที่ร่วมกันคือ มีหน้าตาคล้ายมนุษย์ต่างดาวที่เรียกว่า เกรย์ (Grey) แต่มีขาหลังที่ใหญ่คล้ายจิงโจ้....


ในวันที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ. 2010 พยาบาล 2 คน ได้พาสุนัขไปเดินเล่นแถวริมทะเลสาบ ที่รัฐออนตาริโอ ประเทศแคนาดา ได้พบเห็นสัตว์ตัวหนึ่งที่มีลักษณะประหลาด คือ ร่างกายเต็มไปด้วยขน แต่หัวล้านเลี่ยน หน้าตาน่ากลัว ลำตัวยาว ขายาว มีหางคล้ายหนู ซึ่งไม่มีใครบอกได้ว่า คือสัตว์อะไร มีผู้เชื่อว่าคือ ชูปากาบรา


แต่ที่น่าสนใจและเป็นข่าวดังไปทั่วโลกคือ คลิปวีดีโอคลิปหนึ่งที่เผยแพร่มาจากรัฐเทกซัส โดยมีเกษตรกรรายนึงอ้างว่า พวกเขาไล่จับ ชูปราคาบราในเม็กซิโก (ดูคลิปได้จากคลิปด้านบน)

มันวิ่งเร็วมากๆ จนคนดูคลิปนี้มองแทบไม่ทัน แต่เห็นคร่าวๆ คือมันเหมือนหมาสีเทา ก่อนที่ภาพจะจบลงเมื่อพวกเขายิงมัน จนเป็นศพ และฝังมันไว้ในที่ดินที่บ้านของเขา โดยเจ้าตัวที่เชื่อว่าเป็นชูปากาบรานั้นได้ฆ่าไก่ของเขาไปแล้วถึง 3 หน ซึ่งเจ้าสัตว์ตัวนี้มีรูปร่างแปลกมาก คือ ตัวเป็นสีฟ้าปนสีเทาและไม่มีขน คลิปถูกโพสลงในอินเตอร์เน็ต จนโด่งดัง และวีดีโอนี้ก็ถูกแพร่ภาพที่ CNN และสถานีข่าวชื่อดังอื่นๆ....



แต่ภายหลังจากที่มีคนที่ดูคลิปนี้และดูรูปศพมัน ก็เกิดข้อโต้แย้งตามมามากมาย เพราะดูยังไงก็ไม่ใช่ ชูปราคาบรา มันเหมือนวีดีโอเทศบาลไล่จับหมามากกว่า แถมจากการพิสูจน์ของนักวิทยาศาสตร์จากกะโหลกและตรวจดีเอ็นเอของสัตว์ชนิดนี้แล้วนั้น พบว่า เป็นเพียงสุนัขไคโยตี้ที่เป็นขี้เรื้อนเท่านั้น.....กำเวงงงงง....เห้อออออ


อันดับที่ 2
No.2 The SewerCam อสูรกายในท่อน้ำทิ้ง



ความลึกลับขยะแขยงนี้ถูกนำมาลงโพสในอินเตอร์เน็ตอย่างน่าสะพรึง (ดูคลิปได้จากคลิปด้านบน) โดยเจ้าของภาพอ้างว่าเขาได้ถ่ายวีดีโออสูรกายลึกลับที่ตั้งชื่อกิ๊บเก๋ว่า The SewerCam รูปร่างเหมือนก้อนเนื้อขนาดยักษ์ น่าขยะแขยง ผิวลื่นๆ คล้ายปลาไหล มันเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ เต้นเป็นจังหวะ เมื่อพบเห็นคน มันก็จะคลานหนีอย่างๆ โดยมันอาศัยอยู่ในท่อระบายน้ำเสียของเมือง Raleigh รัฐ North Carolina มันสามารถไต่เพดาน และในไม่ช้ามันจะขึ้นบก เพื่อครองโลก ห้ะ!!

เบื้องหลังความจริงคือ........สงสัยท่อระบายน้ำอเมริกานี้สกปรกมากๆ เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตที่หลากหลายและน่าขยะแขยง ไม่ว่าจะเป็น หนู, แมงสาป และสัตว์ประหลาด มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่ามันไม่ใช่สัตว์ประหลาดและไม่ใช้สัตว์ลึกลับ แต่มันคือ "ไส้เดือนน้ำ(Tubifex)"




ไส้เดือนน้ำนี้ สามารถพบได้ตามแหล่งน้ำเน่า ในไทยก็มีเอาไว้เลี้ยงปลา แต่ที่เห็นอยู่กันเป็นก้อนๆ เนื่องจากในท่อระบายน้ำไม่มีน้ำมาก ไม่มีดินหรือตะกอนให้มันเกาะ มันเลยไหลไปๆ รวมตัวกัน มันจะสร้างรังหรือถุงน้ำครอบตัวมันไว้เป็นก้อนๆ ถ้าอยู่ในที่น้ำเยอะๆ คงไม่จำเป็นต้องสร้างถุงแบบนั้น แล้วที่เป็นมันขยับเพราะว่าถ้ามีไส้เดือนตัวใดตัวหนึ่งขยับตัวอื่นก็ขยับตามไปด้วย



และไม่ต้องกังวลที่มันจะครองโลกหรอกนะ หนอนพวกนี้กินแต่ซากและของเน่าเหม็นเท่านั้น สบายใจได้ เรายังเป็นเจ้าโลกต่อไปอีกนานแสนนานเลยทีเดียว อิอิ.........


และแล้วก็มาถึง อันดับที่ 1 ของเรา นั่นก็คือ!!

 



อันดับที่ 1
No.1 Cerro Azul Monster



มันคือสิ่งมีชีวิตในปานามาเป็นซากศพประหลาดที่ถูกถ่ายในเมือง Cerro Azul ในประเทศปานามาเมื่อเดือนกันยายน 2009 และถูกเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต โดยเนื้อหาเล่าว่าวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งสี่หรือห้าคนอายุระหว่าง 14 และ 16 กำลังเดินเล่นเที่ยวริมน้ำและได้เห็นสิ่งมีชีวิตตัวหนึ่งออกมาจากถ้ำรูปร่างมันมีขนและมีฟันคม แขนยาว น่าเกลียดน่ากลัว และกลุ่มวัยรุ่นยังอ้างว่ามันพุ่งมาหาพวกเขา!!

ด้วยความกลัวพวกเขาจึงตอบโต้ด้วยการปาหินใส่มันจนตาย และพวกเขาโยนร่างของสัตว์ดังกล่าวลงสระน้ำ ก่อนที่เวลาต่อมาพวกเขาก็กลับมายังพื้นที่ดังกล่าวอีกครั้งเพื่อถ่ายภาพ โดยภาพดังกล่าวเป็นสิ่งมีชีวิตรูปร่างขาวเผือกไม่มีขน มีหน้าตาแปลกประหลาด และแขนและขายาวผิดปกติ และท้องโป่งพอง.....



จากนั้นพวกเขาก็ส่งภาพซากดังกล่าวไปยังสถานีโทรทัศน์ปานามาและเรื่องราวก็ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก และอินเตอร์เน็ต เช่นเว็บ cryptozoology  แน่นอนก็ข้อสันนิษฐานแตกต่างกันไปบ้างก็ว่าเป็นสลอธไม่มีขน หรือไม่ก็มนุษย์ต่างดาว หรือสัตว์พันธุ์ใหม่ที่ยังไม่มีการค้นพบที่ไหนมาก่อน

อย่างไรก็ตามศพสิ่งมีชีวิตดังกล่าวได้ถูกกู้คืนสี่วันหลังจากค้นพบและมรการตรวจชิ้นเนื้อโดยหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมแห่งชาติของปานามา ก่อนที่จะสรุปว่ามันคือสลอธน้ำตาล  สายพันธุ์ที่พบทั่วไปในพื้นที่ดังกล่าว และเด็กไม่เข้าใจ (หรือสับสน) จนเกิดความเข้าใจผิดดังกล่าว สาเหตุที่มันรูปร่างดังกล่าวเพราะการเน่าสลายเนื่องจากอยู่ในน้ำนานเท่านั้นเอง.....

 
และทั้งหมด ก็ยังเป็นสิ่งที่เราหลายๆคนเลือกที่จะเชื่อ ว่ามันเป็นเรื่องจริง หรือ นิยายหลอกลวง ทำขึ้นมาให้เราหลงเชื่อ....


ก็แล้วแต่ท่านล่ะนะ ว่าจะเลือกเชื่อในส่วนไหน...ฮ่าๆ
 
วันนี้ก็ขอจบลงก่อน 
วันหน้าจะนำพาเอาเรื่องน่าสนใจมาฝากกันอีกนะจ้ะๆๆ....

ขอบคุณแหล่งที่มา
Wikipedia.org
Pantip.com
Dek-D.com
Listverse.com

ติดตามอ่านเรื่องราวลึกลับ น่าฉงน ประวัติศาสตร์อันน่าค้นหา และ บางเรื่องราวที่ยังเป็นปริศนาไร้ซึ่งคำตอบได้ที่นี่ 
ทั้งเพจ บล๊อก และ ยูทูป!!

อัพเดทเรื่องราวต่างๆก่อนใคร : https://www.facebook.com/NopLucifer
อ่านบทความแบบละเอียด : http://nop-lucifer.blogspot.com/
ดูคลิปแบบย่อๆได้ทางยูทูป : http://www.youtube.com/c/NopLucifer999


1 ความคิดเห็น: