Light Yagami - Death Note

TOP FIVE By NopLucifer : 5 อันดับ โรงแรมผีดุในไทย!! จากเรื่องเล่าบนโลกออนไลน์ โซนภาคเหนือ TOP FIVE : Tale From Haunted Hotel Zone Northern Thailand

วันนี้ครึ้มอกครึ้มใจอย่างไรไม่รู้ เพราะไปเขียนเกี่ยวกับโรงแรมผีดุทั่วโลกไว้ แต่มันยังรู้สึกว่า มันยังไม่หลอนนะ... อาจจะเป็นเพราะเราไม่ค่อยจะอินกับผีฝรั่งมากนัก มันเลยไม่ค่อยน่ากลัว ... พอดีกับ ไปค้นคว้าเกี่ยวกับโรงแรมผีชื่อดังแห่งหนึ่งในพัทยา... แหม๋ .... หลอนเข้ากระดูกเลย วันนี้เลยนึกสนุกไปค้นเพิ่ม แล้วพบว่า มันน่าจะมีประโยชน์สำหรับนักท่องเที่ยวนะเพราะส่วนใหญ่ไกค์เขาก็แนะนำโรงแรมน่าอยู่ หรือ โรงแรมนั่นดี นี่ดี...แต่ไม่ยักกะบอกว่า มีผีด้วยหรือเปล่า ฮา......
 

เอาล่ะ ไหนๆก็ไหนๆ สำหรับท่านที่ชื่นชอบการไปเที่ยวต่างจังหวัดบ่อยๆ ผมก็อยากจะเขียนเกี่ยวกับที่พักที่ท่านไปเยือนซะหน่อยจะได้เตรียมตัวรับมือได้ทันท่วงที ไม่ใช่ว่าไปเที่ยวทั้งที ผีหลอกกันหัวโกร๋นกลับบ้าน ฮ่า.......ผมขอแบ่งออกไปเป็นภาคๆละกันเน้าะ ขอยกมาภาคละ 5 โรงแรมละกัน เริ่มต้นที่ภาคเหนือก่อนเลยเน้าะ...

เอาล่ะ !! เตรียมตัวเตรียมใจ พร้อมสมุดปากกา จดกันไว้นะ .... ก่อนออกทริป ไปนอนให้ผีอำกัน อิอิ....


ผมขอสงวนชื่อโรงแรมเพื่อรักษาผลประโยชน์ของทางโรงแรมไว้นะครับ ให้เดาๆกันเอาเองเน้อ ว่ามันคือโรงแรมอะไร หุหุ...


 


ปล. ภาพประกอปทุกๆภาพไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ
กับสถานที่จริงภายในเรื่องนะครับ....



เริ่มต้นกันด้วย ....




อันดับที่ 5

โรงแรมเฮี้ยนระดับประเทศที่ นครสวรรค์....


เป็นเรื่องเล่าจากประสบการณ์ตรงของคุณ ลาบไก่ใส่ตับหมู.... เมื่อได้ไปเยือน ณ โรงแรมแห่งนี้....
 

ตอนนั้นฉันมีโอกาสได้แสดงภาพยนต์เรื่องนึงเราไปถ่ายทำกันที่จังหวัดนครสวรรค์ พอตกกลางคืน ทางทีมงานก็เปิดห้องพัก 2 ห้องให้ฉัน แม่ น้องชาย และพี่คนขับรถ ได้พักผ่อนกันด้านล่างของโรงแรม ค่อนข้างสวยงามใช้ได้ แต่พอขึ้นลิฟท์ไปจนถึงห้องพักนี่สิ....บรรยากาศน่ากลัวสุด ๆ เหมือนกับคนละโลกกันเลย ฉันมองผ่านหน้าต่างออกมา ก็เห็นว่า มีหลุมศพอยู่ 2 หลุมติดกันเลย ตอนนั้นใจน่ะ อยากจะขอเปลี่ยนห้องแล้วล่ะ แต่ก็เกรงใจทางทีมงานอยู่ไม่น้อย ก็เลยจำใจนอนห้องนี้ก็ได้ฟะ..... และอีกอย่างก็คิดว่า วิวห้องไหน มันก็คงจะเหมือน ๆ กันแหละ แต่ตอนนั้น ยังไม่ทันได้สำรวจห้องอะไรมากมาย ก็ต้องรีบลงไปข้างล่างก่อน เพราะว่าเดี่ยวจะมีพี่ที่กองถ่ายจะต้องบอกคิวว่า วันไหนจะต้องย้ายกองไปที่ไหน และพวกเราก็ลงไปเที่ยวในเมือง.....

กลับมาก็ เริ่ม ๆ ทำการสำรวจห้อง พบว่า ห้องพักเก่ามาก เตียงนอนก็เหม็นสุด ๆ มีคราบเหลือง ๆ แดง ๆ อะไรก็ไม่รู้ ปะปนกันมั่วไปหมด ส่วนผนังห้องก็มีสีแดงๆ คล้ายคราบเลือดเลอะผนังห้องเต็มไปหมด ห้องน้ำก็มีไฟหลอดแดงห้อยโตงเตงอยู่สีของหลอดก็สลัวๆได้อารมณ์สยิวกิ้วยิ่ง นัก กระจกห้องน้ำ ไม่ต้องพูดถึง เป็นคราบ ๆ เลอะ ๆ เต็มไปหมด เวลามองหน้าตัวเองในกระจก จะรู้สึกว่าตัวเองดูป่วย ๆ ดูโทรม ๆ ไปถนัดตา พูดง่าย ๆ ว่าดูแล้วน่ากลัวน่ะค่ะ อ่างอาบน้ำ และฝักบัว ก็เก่าแสนเก่ามองยังไงก็ไม่กล้าอาบน้ำในอ่างแน่ ๆ กลัวโดนผีจับกดน้ำ ห้องเหม็นอับมาก ๆ ขอบอก.....


หลังจากที่ฉัน สำรวจห้องพัก ทั้ง 2 ห้องเรียบร้อยแล้ว ฉันก็มีความคิดเจ้าเล่ห์นิด ๆ ก็คือ ฉันเลือกที่จะนอนในห้องที่มี TV ค่ะ เพราะคิดเอาเองว่า อย่างน้อย ๆ ห้องนี้ก็น่าจะไม่มีผี เพราะว่า น่าจะมีคนมาพักบ่อยเพราะยังมี TV อยู่เลย ส่วนห้องที่ไม่มี TV ฉันก็ยกให้น้องชาย กับพี่ที่มาขับรถให้ นอนแทน อิอิ ดังนั้น ฉันกับแม่ก็เลือกที่จะนอนห้องนี้ พอเข้าห้องฉันก็เปิดทีวีดู.....

ฉันก็กำลังปรับ ๆ ทีวีดู ส่วนแม่ฉันก็นอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียง ขณะที่ฉันกำลังปรับทีวีอยู่นั้น เห็นแม่ทำหน้าแปลก ๆ พร้อมทำจมูกฟุดฟิต ๆ ฉันถามว่ามีอะไรเหรอ แม่ก็ไม่ตอบ พร้อมส่งซิก ว่าเหมือนกำลังมีอะไรบางอย่าง ที่มองไม่เห็นอยู่ข้าง ๆ แม่ฉันฉันก็เลยถามว่า "มีอะไรเหรอ แม่" แม่ก็ตอบว่า "ได้กลิ่นอะไรมั้ย เหม็นมาก ๆ" ฉันก็ตอบว่า "ไม่ได้กลิ่นค่ะ" สักพัก เหมือนสิ่งที่มองไม่เห็นจะได้ยิน แล้วเดินมาทางฉัน เพราะขณะที่ฉันปรับทีวีที่ไม่ชัดอยู่นั้น อยู่ดีๆ ก็ได้กลิ่นขึ้นมา เป็นกลิ่นเน่า เหมือนมีอะไรตาย มาอยู่ข้างๆ ฉัน เหม็นมากพอฉันได้กลิ่น ฉันก็หันไปมองหน้าแม่ พร้อมกับบอกแม่ว่า "ได้กลิ่นแล้วๆ" ฉันถามว่า "แม่ยังได้กลิ่นอยู่หรือเปล่า" แม่บอก "ไม่ค่อยได้กลิ่นแล้ว" ฉันก็เลยตอบไปว่า "ตอนนี้เค้าคงมายืนข้างๆ ฉันแล้วล่ะ เพราะกลิ่นตรงนี้แรงมากๆ เมื่อกี้ยังไม่มีอยู่เลย" 

พอพูดยังไม่ทันขาดคำ สิ่งที่มองไม่เห็นนั่น ก็เริ่มแสดงอิทธิฤทธิ์ขึ้นมาทันที...... คือ ทีวีที่ฉันกำลังปรับ เพื่อให้ภาพคมชัดนั้น ตอนนั้นกำลังจะดูข่าวหรือละครช่อง 7 นี่ละ จากภาพข่าว ก็กลายเป็น ภาพข่าวอย่างเดียว แต่เสียงที่ควรจะรายงานข่าวน่ะ กลายเป็นเสียงสวดมนต์แบบแขก ๆ ฉันก็ลองเปลี่ยนเป็นช่องอื่น ๆ แต่ว่าเสียงก็ยังเป็น เสียงสวดมนต์เหมือนเดิมทุกช่อง มันน่าแปลกมั้ยล่ะ?



สักพักมันเริ่มจะไม่ไหวแล้ว เพราะว่าพอฉันปิดทีวี มันก็ยังมีเสียงสวดมนต์อยู่เลย นั่นทำให้ฉันกับแม่ ตัดสินใจวิ่ง ลุกออกไปเปิดประตู เพื่อวิ่งไปยังห้องน้องชาย แต่ว่า ประตูมันเปิดไม่ออกค่ะ เปิดเท่าไหร่ก็เปิดไม่ออกสักที แต่โชคยังดีที่โทรศัพท์ใช้การได้ ฉันจึงโทรมาที่ห้องของน้อง บอกให้น้องมานี่หน่อยไม่ต้องพูดอะไร ให้รีบๆ มาเดี๋ยวนี้เลย น้องฉันก็เลยมาเคาะประตู พร้อมกับบิดประตูเข้ามาอย่างง่ายดาย ส่วนฉันกับแม่ พอเห็นน้องชายเข้ามาได้ ก็ค่อยโล่งอก รีบวิ่งแจ้นออกนอกห้องกันแทบไม่ทัน พอเข้ามาห้องน้องชายเรียบร้อยแล้ว แม่ก็บอกว่าลืมของในห้อง พี่คนที่ขับรถมาให้ก็เลยบอกว่า จะไปหยิบมาให้ พร้อมกับเรียกน้องชายของฉันให้ไปเป็นเพื่อน แต่ว่าเค้าไม่ได้หยิบแค่ของอย่างเดียว ยังหยิบอย่างอื่นเข้ามาด้วย นั่นก็คือ....... ที่นอนค่ะ .....



นาทีนั้น ตอนที่ฉันเห็นที่นอน ฉันนะตกใจมากๆ เพราะว่ามันเหมือนกับการเอาของ ๆ ห้องที่มีผีเข้ามา แบบนี้ผีมันก็ตามเข้ามาด้วยน่ะสิ คิดยังไม่ทันไร ตาก็เหลีอบไปเห็น เลือดค่ะ เลือดเลอะเต็มด้านหลังของที่นอนนั่นเลย ไม่ใช่เลือดประจำเดือนแน่ๆ เลือดมากขนาดนี้ สงสัยมีการฆ่ากันตาย บนเตียงนี้แน่ ๆ คือ ตอนที่น้องฉันกับพี่คนขับรถ ไปหยิบที่นอนน่ะ เขาไม่เห็นเลือด แต่เห็นว่าพอหยิบที่นอนมาแล้วเจอยันต์ และหนังสือสวดมนต์วางอยู่ใต้ที่นอน .....

นั่นทำให้ฉันกับแม่ ร้องพร้อมกันว่า "เอาไปเก็บเดี่ยวนี้" น้องฉันกับพี่คนขับรถยังงงไม่หาย จนฉันต้องบอกต่อว่า"เลือดเต็มไปหมด" นั่นทำให้น้องชายฉันถึงกับเข่าอ่อน ด้วยความตกใจ เพราะเกิดมา ไม่เคยเห็นที่นอน ที่มีเลือดเยอะขนาดนี้เลย น้องชายฉันไม่กล้าไปที่ห้องนั่นเลย แต่ว่าแม่สั่งให้ช่วยพี่เค้า น้องชายฉันเลยต้องช่วยกัน แบกที่นอนไปเก็บด้วยความจำใจ.....พี่คนขับรถให้ฉัน เป็นนักวิทยุฯ สมัครเล่นด้วย เค้าจะมี"วอ" (ที่เหมือนของตำรวจน่ะค่ะ ที่ใช้คุยกันน่ะค่ะ) ติดตัวตลอด เพื่อใช้พูดคุยกัน ซึ่งเจ้าวิทยุ หรือที่เรียกง่าย ๆ ว่า "วอ" เนี่ย ก็จะสามารถพูดคุยกับคนในท้องถิ่นนั้นด้วย ฉันก็ได้ยิน พี่จิ้น (ก็พี่คนที่ขับรถให้ฉันนั่นแหละ) พูดคุยกับคนในวอ แล้วคนในวอเค้าก็ถามว่า พักที่ไหน โรงแรมอะไร?


ภาพจากภาพยนตร์ JUON ผีดุ

พี่จิ้นก็ตอบๆ ไป สักพักเค้าก็ตอบกลับมาว่าคนในวอ เค้าก็แทบจะพร้อมใจกัน ตอบออกมาว่า..... "หา อะไรนะ ทำไมมานอนโรงแรมนี้ล่ะ นี่มันโรงแรมผีสิงนะ ผีดุมาก ผีแขกด้วย เป็นป่าช้าเก่า ให้พวกเรารีบย้ายออกมาโดยด่วน ไม่มีใครนอนโรงแรมนี้ได้พ้นคืนหรอก ต้องวิ่งป่าราบกันทุกคน เพราะว่าในโรงแรมนี้น่ะ มีทั้งฆ่ายัดใต้เตียง ฆ่ากันในอ่างอาบน้ำ และที่สดๆ ร้อนๆ เมื่อ 3 วันที่แล้ว ยิงกันตายในลิฟท์" โอ้ว พระเจ้าช่วยกล้อยทอด นี่มันอะไรกันฟะเนี่ยยย ฉันนั่งฟังตาปริบ ๆ น้องชายฉันก็นั่งทำหน้าเหวอๆ แม่ฉันก็อึ้งๆ ส่วนพี่จิ้น ก็ยังคุยไม่เลิก ยิ่งพูดก็ยิ่งน่ากลัวๆเรื่อยๆ


ขณะนั้นเอง ... จู่ๆก็มีเสียงเคาะประตู พอเปิดไปก็กลับไม่เจอใคร เราก็นึกว่าทีมงานมาแกล้งหรือเปล่าหว่า สักพักก็ยังมีคนมาเคาะอีกหลายหน ฉันจึงตัดสินใจลุกไปกัน 3 คนเพื่อส่องตาแมวให้รู้ไปเลยว่าใครมาแกล้งฟะ ปรากฏว่าขณะที่เสียงเคาะประตูกำลังดังอยู่นั้น ฉันส่องตาแมวพอดี ก็ไม่เห็นมีใครมาเคาะประตูเลย นั่นทำให้ฉันเหวอมาก ๆ ส่วนลิฟท์ ก็มีเสียงคนขึ้นลงตลอดเวลา และที่สำคัญไม่ว่าลิฟท์จะขึ้นหรือลงยังไง ก็ต้องมาหยุดตรงชั้นห้องของฉัน และต้องมีเสียงคนเดินมาหยุดหน้าห้องทุกที ซึ่งแน่นอนว่า พวกเราไปส่องตาแมวดูแล้วก็ไม่มีใครสักคน.....



ขณะที่ประตู กำลังเคาะอยู่นั้น พี่จิ้นก็แสดงความกล้าหาญด้วยการเปิดประตูทันที แล้วก็ออกไปมองข้างนอก ว่าใครวะ มาแกล้งป่านนี้ ซึ่งก็ไม่เจอใครสักคนเลยค่ะ และก็ไม่มีทางด้วยที่ใครจะมาแอบ เพราะมันไม่มีมุมให้แอบได้เลย อ้อ ส่วนห้องข้างๆ คือ จะมีลิฟท์ก่อน และก็ห้องเก็บของ และก็ห้องฉัน นะคะ ก็เคาะผนังตรงหัวเตียงฉันทั้งคืนเช่นกันค่ะ คุณลองคิดเล่นๆ ดูสิ ว่าฉันกำลังนอนกลัวอยู่บนเตียง แต่หัวเตียงน่ะ มีเสียงคนเคาะดังมากๆ เลย เคาะป๊อก ป๊อก ป๊อก แถมลากของทั้งคืน เสียงเหมือนลากตู้ ลากเตียง เอี๊ยด อ๊าดทั้งคืน.....

สักพัก น้องชายของฉันก็กลัวจนหลับไป คือ นอนทั้งน้ำตาน่ะค่ะ ขณะที่น้องฉันกำลังหลับอยู่นั้น อยู่ดี ๆ ก็ลุกขึ้นมา ทำท่าทางเหมือนคนแขก และก็พูดภาษาแขก ๆ ว่า อะบิดาบา อะไรประมาณนี้น่ะค่ะ ไม่รู้แปลว่าอะไร แต่ว่าน่ากลัวมาก ๆ เพราะว่าปกติน้องชายฉันไม่เคยนอนละเมอเลย แต่นี่ลุกขึ้นมาดื้อ ๆ อย่างนั้น มันน่ากลัวมาก ๆ ค่ะ จนแม่ต้องให้พระคล้องคอน้องใส่ น้องถึงนอนลงได้ อ้อ...ลืมบอกไปว่า ตอนที่เข้าห้องนี้แล้ว ช่วงที่เกิดเหตุการณ์แรกๆ ขึ้นคือ มีคนเคาะประตูนี่ ฉันกับคุณแม่ก็สวดมนต์พระคาถา ชินบัญชรด้วยนะคะ ลองคิดดูสิว่าขนาดสวดมนต์ก็แล้ว แผ่ส่วนบุญส่วนกุศล บอกเจ้าที่เจ้าทางก็แล้ว ยังโดนขนาดนี้ ถ้าไม่ทำจะโดนขนาดไหนเนี่ย......


ตอน แรกๆ แม่เริ่มถอดใจ หลังจากน้องชายโดนผีเข้า แม่กะว่า เราออกไปหาโรงแรมอื่น นอนกันเถอะลูก แต่เรากลับคิดว่า นอนที่นี่ต่อไปดีกว่า..... เพราะว่า กลัวผีในลิฟท์อีก เกิดเข้าลิฟท์ดี ๆ แล้วลิฟท์ค้างกะทันหัน ไฟดับจะทำอย่างไร ไม่ตายกันในลิฟท์เหรอ ป่านนี้แล้วใครจะมาช่วย ตอนนั้นมันก็ดึกมาก ๆ แล้ว ตีอะไรก็ไม่รู้ ไม่รู้จะไปนอนที่ไหน เพราะไม่เคยมาจังหวัดนี้มาก่อน แล้วก็ไม่รู้ว่าที่อื่นมันจะดุกว่านี้หรือเปล่า.....


สรุปคืนนั้น เรียกได้ว่าแทบไม่ได้นอน เจอผีกันทั้งคืน เจอจนจากกลัวเป็นโกรธ ฉันโกรธจริงๆ นะ เข้าใจเลยว่า คนที่กลัวอะไรสุดๆ สามารถเปลี่ยนความกลัว เป็นความโกรธได้ คือ ช่วงหลังๆ เริ่มจะชินแล้ว ตกเช้ามาเจอคนทำความสะอาด 2 คนเดินมาพอดี ฉันเลยถามเลยว่า พี่คะ ห้องนี้เมื่อคืนมีใครเข้ามาลากอะไรหรือเปล่าคะ พี่คนทำความสะอาดทำหน้าตาเหวอๆ บอกกลับมาว่า ห้องนี้ไม่มีคนหรอกค่ะ พอตกเย็นพนักงานก็รีบกลับบ้านกันหมดแล้ว ไม่มีใครกล้าทำงานตอนกลางคืนหรอก เพราะโรงแรมนี้ผีดุจะตาย ดูสิ ขนาดกลางวันแสกๆ เค้ายังไม่กล้าทำงานคนเดียวเลย ต้องขึ้นมาเป็นเพื่อนกัน 2 คน เหอๆ พอลงมาก็เจอเจ้าของโรงแรม เดินมาทักทายใหญ่เชียว ว่าเมื่อคืนหลับสบายมั้ยครับ?








โห.....ฉันนะ รีบบอกใหญ่เลยล่ะ ว่าเมื่อคืนเจออะไร...เจ้าของโรงแรมรีบบอกกลับทันที่ว่า "ที่คุณเจอน่ะ มันยังเล็กน้อย ผมเจอยิ่งกว่านี้อีก และอีกอย่าง วันนี้ผมจะทุบโรงแรมนี้ทิ้งพอดี เพราะว่าเปิดต่อไป ก็ไม่มีใครมาพักเลย เนื่องจากผมก็ยอมรับว่าโรงแรมผมผีดุจริง ๆ เมื่อคืนเป็นคืนสุดท้าย ผีเค้าเลยมาทักทายซะหน่อย" ฉัน แม่ น้อง พี่จิ้น ยืนฟังตาเหลือก....


 






เรานึก ในใจว่า "อะไรฟะ ผีดุแบบนี้กล้าให้พวกเรามานอนได้ไงฟะเนี่ย" เราถามเกี่ยวกับทีมงานคนอื่น ๆ ก็ได้ความว่า ไม่มีใครพักที่นี่เลยค่ะ (พูดง่ายๆ ว่าทั้งโรงแรมมีฉันอยู่ห้องเดียว) คือ ดาราคนอื่น เค้ารู้กันหมดแล้วว่าที่นี่ผีดุ ไม่มีใครกล้าพัก ส่วนเราเพิ่งเล่นเรื่องแรก ยังไม่รู้อะไร ไม่มีใครบอก เลยได้พักไป ซวยไป อีก 2 วันต่อมาก็มีคิวถ่ายต่อ แหม...ทีมงานถามกันใหญ่เลย ว่าเจออะไรบ้าง หึหึ สนุกกันเข้าไป นี่ละหนา ที่เค้าว่าคนในวงการบันเทิง ไม่มีมิตรแท้ และศัตรูจริง ก็ดูสิ ไม่มีใครบอกฉันสักคน.....








อันดับที่ 4 
โรงแรมเรือนไม้ ในจังหวัด สุโขทัย....




เป็นเรื่องเล่าจากคุณ เจ้าจุ่ยเอ้ย แห่งเวบพันทิปเช่นกันครับ.... 
จากประสบการณ์ที่ไปพัก ณ โรงแรมแห่งหนึ่ง!!

ช่วงที่ตะเวนเที่ยว 1 เดือนโดยขับรถไปเรื่อยๆ จากตะวันออกไล่ไปภาคกลาง และขึ้นไปสิ้นสุดที่เชียงราย-แม่ฮ่องสอน ก่อนกลับลงมาค่ะ ที่พักในแต่ละจังหวัดจะเป็นการทดลองสุ่มไปเรื่อยๆ ค่ำที่ไหนก็หาที่นอนแถวๆ นั้น..เรื่องมาเกิดที่จังหวัดสุโขทัยก่อนเป็นที่แรกค่ะ เป็นโรงแรมไม้ เรือนไทย อยู่ในอำเภอเมือง (ชื่อโรงแรมต้องกลับไปค้นจากรูปถ่ายเก่าๆค่ะ) เหตุการณ์ที่เกิดเป็นช่วงเวลาประมาณตีหนึ่งค่ะ ขอบรรยายห้องพักหน่อยนะคะ คือ ห้องเป็นเตียงไม้ใหญ่ขนาด 2 คนนอน......


ใต้เตียงโล่งปลายเตียงเยื้องไปทางซ้าย เป็นชุดเก้าอี้ (เก้าอี้สองตัว กับโต๊ะกลมเล็กๆ 1 ตัว) หันมาทางเตียง ปลายเตียงเยื้องไปทางขวา เป็นกระจก และแน่นอนว่า.. ทำจากไม้แกะฉลุลายด้วยค่ะ หลังจากเสร็จกิจกรรมต่างๆ ดูทีวี กับดูแผนที่ว่าพรุ่งนี้จะไปเส้นไหนต่อ เราก็นอนค่ะ โดยวางของไว้ในตู้เสื้อผ้า วางแผนที่ไว้ที่โต๊ะกลม แล้วก็เปิดไฟหัวเตียงเล้กๆ ไว้สองดวงค่ะ......


ประมาณตีหนึ่ง รู้สึกว่าได้ยินเสียงกุกกักแถวชุดเก้าอี้ปลายเตียงเลยตื่น แต่ยังไม่ลุก รู้สึกว่าพี่สาวขยับมานอนชิดเรามาก แล้วก็กำมือเราไว้แน่น เลยหันไปมอง อ้าปากจะถามว่าเป็นอะไร แต่.. ภาพที่เห็นทำให้ถามไม่ออกค่ะ "เห็นเงาคนสองคนนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ปลายเตียง คนนึงกำลังดูแผนที่ อีกคนกำลังมองมาที่เตียง" จำได้ว่า พูดอะไรไม่ออก ตัวแข็งทื่อ!! 


ตอนนั้นสวดมนต์บทพาหุงฉบับสั้นเป็น ก็เลยพยายามจะสวด แต่ขยับไม่ได้ค่ะ ขยับปากไม่ได้ คอตอนนั้นก็ขยับไม่ได้ค่ะ พี่สาวท่าทางจะเป็นเหมือนกัน ก็หลับตาลงแล้วพยายามสวดๆๆๆๆ ปากขยับไม่ได้เหมือนมีแรงกดไว้ สวดจบไปรอบที่สาม ปากเริ่มขยับได้ เสียงสวดจึงดังลอดออกมา พี่สาวก็เหมือนกันค่ะ แต่รายนั้นแผ่เมตตาอย่างเดียวเลย...

พอเสียงเริ่มออก จึงลืมตาขึ้นมา ปรากฎว่า.. big surprise ค่ะ คือ "ทางนั้น" เลื่อนมายืนปลายเตียง น่ากลัวมากๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่กล้าหลับตาอีก กลัวว่าลืมตาอีกที "ทางนั้น" จะเลื่อนมาใกล้ขึ้น พยายามสวดต่อค่ะแล้วก็แผ่เมตตาตามพี่สาว จน "ทางนั้น" ขยับเดินห่างออกไป แล้วก็ออกไปทางผนังด้านหลังชุดเก้าอี้.. ที่น่าขนลุกกว่านั้นคือ ทันทีที่ "ทางนั้น" หายไป แผนที่ซึ่งอยู่บนโต๊ะ ตกลงมาที่พื้นค่ะ.. 

ไม่ต้องนอนกันแล้วค่ะ รีบลุกขึ้นเก็บของ เดินไปเคาะประตูญาติที่อยู่อีกห้อง แล้วก็ย้ายโรงแรมเลยค่ะ กลัวมากๆ ความรู้สึกว่าอยากนอนบ้านเรือนไทยตั่งแต่นั้นเป็นต้นมา = 0 ค่ะ ตอนกลับมาจากเที่ยวล้างฟิลม์แล้วเห็นภาพ ก็นึกในใจว่า ดีนะที่เย็นวันนั้นถ่ายรูปเฉพาะป้ายโรงแรม ไม่ได้เอาตัวเองไปถ่ายรูปคู่ที่หน้าโรงแรมเหมือนปกติ.....
ไม่งั้นคง...... สยองงงงงงงง.....


อันดับที่ 3

โรงแรมรีสอร์ทบ้านไม้ ที่ เชียงราย....


เรื่องเล่าจากคุณ คนกับควาย จากเวป พันทิป.... เมื่อเขาได้ประสบพบพานผีตู้เย็นที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน จังหวัดเชียงราย....


ลองไปอ่านกันเอาเองนะครับ ไม่น่ากลัวหรอก เชื่อผม ฮ่าๆๆๆ.....



ผมเคยเจอตอนไปเที่ยวเชียงรายครับ!! เป็นรีสอร์ทที่มีบ้านไม้เป็นหลังเดี่ยวๆแยกกันบรรยากาศร่มรื่นเต็มไปด้วยแมก ไม้นานาพรรณตกกลางคืนก็จะเปิดไปนิดๆหน่อยๆตามทางเดินและตามจุดต่างๆในสวนสวย ภายในห้องมีลักษณะดิบๆตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้และกรุผังหนังด้วยไม้เก่า แก่ มีข้าวของเครื่องใช้โบราณตกแต่งอย่างมากมายบรรยากาศอึมครึมอย่างบอกไม่ถูก.....



ตอนแรกผมอยู่หลังที่เป็นบ้านแฝดกันแล้วแฟนไม่ชอบบอกว่าแปลกๆก็ เลยขอเปลี่ยนห้อง.... ทางโรงแรมเลยบอกว่าจะเอาห้องไหนก็สามารถไปเดินๆเลือกได้เลย ก็แปลกใจอยู่ว่าทำไมห้องมันถึงว่างได้ขนาดนั้นพอตอนนอนผมก็นอนไม่ค่อยหลับ หรอกเพราะมันแปลกที่แปลกทางแต่แฟนผมนี่สิหลับปุ๋ยเลย ประมาณกลางดึกผมก็ได้ยินเสียงเปิดปิดสวิตซ์ไฟ (ป๊อกแป๊ก....ป๊อกแป๊ก....ป๊อก แป๊ก) สลับกับ เสียงคนข้างๆห้อง กุกๆกักๆ (ทั้งที่อยู่บ้านเดี่ยวนะ) และ เสียงเปิดปิดตู้เย็นภายในห้องซึ่งอยู่แค่ปลายเตียงเองผมก็เลยแอบบหรี่ตามาดู นิดๆ งานเข้าคร้าบบ!! เห็นตู้เย็นเปิดค้างอยู่ต่อหน้าต่อตา (ไฟในห้องปิดหมด มีเพียงแสงไฟของตู้เย็น) เลยผมก็แกล้งทำเป็นหลับไม่รู้เรื่องรู้ราว (แต่ใจเหี่ยวไปแล้ว) แล้วมันก็ ปิด...เปิด...ปิด......เปิด


รูปบางส่วนมาจากภาพยนตร์เรื่อง ลัดดาแลนด์

ผมกะว่าผี ต้องเบื่อแล้วเลิกทำไปเอง แต่ป่าวครับ มันล่อทั้งคืนยันเช้าเลยทำให้ผมต้องนอนฟังเสียงที่ว่าตลอดคืน จนแฟนผมตื่น (สังเกตุจากพลิกตัวไปมา) เสียงก็หายไปโดนพลัน (ตู้เย็นก็ปิดสนิทดี) ผมก็เพิ่งจะกล้าขยับตัวด้วย เมื่อยยยสุดๆเลยตอนนั้น .....หลังจากนั้น ผมก็ถามเค้าว่าได้ยินมั๊ย เค้าบอกตอนสลึมสลือตอนเช้าได้ยินแป๊บนึงก็ไม่ได้สนใจแต่พอผมบอกก็สยองเชียว รีบเช็คเอาท์กันแทบไม่ทัน พนักงานยังมาถามอีกว่า "เมื่อคืนเป็นยังไงบ้างคะ สนใจค้างอีกซักคืนมั๊ยคะ"........หึหึหึ

 



อันดับที่ 2
โรงแรมแห่งหนึ่ง กลางเมือง ลำปาง....




เป็นเรื่องเล่าจากเวป www.reviewchiangmai.com/1699

ลองไปอ่านกันดู แล้วเดากันเอาเองนะครับ ว่ามันคือโรงแรมอะไร หรือถ้าใครอ่านแล้วไปเจอจะได้คุ้นๆได้ และจะได้ป้องกันได้ทันท่วงที อิอิ...
 

เหตุเกิด ณ โรงแรมแห่งหนึ่งกลางเมืองลำปาง “พี่เอาห้องนี้ไปล่ะกัน” น้องฝึกงาน ททท.เชียงใหม่ โยนกุญแจห้องพักโรงแรมให้ผม เป็นการบ่งบอกโดยนัยว่าเอาห้องพักชั้น 7 ห้อง 703 ไป ผมพักกับพี่นักข่าวอีกคน แว่บแรกสับตีนออกจากลิฟต์ พอพ้นจากลิฟต์สู่ทางเดิน สบตาแรกที่เจอห้องพักคือพิกัดมันอยู่ต้องทางโค้งของตึก พูดง่ายๆก็คือ ออกจากลิฟต์แล้วเดินมา 5 – 6 ก้าวเลี้ยวขวาเจอทางเดินไปห้องพักต่างๆ พอเดินมาซัก 3-4 ห้อง จะถึงโค้งหรือมุมตึกให้เลี้ยวซ้าย ไอ้ตรงมุมนั้นแหละห้องพักผมเอง ทางเดินตรงไปห้อง 703 (สุดทางเดินคือห้องพักผม) ตามสไตล์ ผมไม่พยายามจะคิดแมวน้ำอะไรให้มันมาก แต่ก็รู้สึกแปลกๆ ห้องอยู่เหมือนกันว่าทำไมต้องเป็นห้องนี้ เพราะดูๆไป ทำเลมันไม่ค่อยเวิร์ค.....



เก็บของ เก็บกระเป๋า ออกไปทำงานตอนเย็น กลับมาอีกที สามทุ่มกว่า อยู่ดีๆ ก่อนเข้าโรงแรมพี่โมก พี่นักข่าวอีกคนเจือกชวนผมคุยเรื่องผีขึ้นมาซะงั้น ขึ้นห้องพักกันสองคน เปิดประตูห้องอยู่ดีๆ เหรียญบาทที่ไหนไม่รู้ตกลงมา ผมถามว่าเหรียญพี่รึเปล่า แกบอกน่าจะใช่ แต่แกก็วางไว้แถวนั้นไม่ได้เอาใส่กระเป๋า (ผมคิดว่าต้องเป็นเหรียญ ที่คนมาพักก่อนหน้านี้วางเอาไว้เพื่อเป็นการซื้อห้อง ตามความเชื่อที่ว่า ถ้ามานอนพักที่ไหนต่างสถานที่ ให้วางเงินเหรียญไว้ในห้องจะบนโต๊ะ ตู้ เตียง อะไรก็ได้ เพื่อเป็นการบ่งบอกว่าเรามาขอซื้อที่เขา มาขออนุญาตนอน)จากนั้นเข้าห้องพากันนั่งคุยเรื่องผีไป 2-3 เรื่อง เสร็จ อาบน้ำอาบท่า ปิดไฟตอนห้าทุ่มเตรียมจะนอน (แต่จริงๆ ตอนนั้นยังไม่หลับ)



ผมนอนบนเตียงใหญ่ขนาดสองคนฝั่งติดหน้าต่างห้อง ส่วนพี่แกนอนเตียงเดี่ยวติดฝั่งประตูห้องน้ำ ผมนอนฟังเพลงมีหูฟังยัดหู พี่แกก็มีหูฟังยัดหูเช่นกัน แต่เพิ่มออปชั่นมีแล็ปท็อปเล่นเน็ตไปด้วย ณ จุดๆนี้ ไฟห้องปิด มีเพียงแสงไฟจากแล็ปท็อปเท่านั้นที่ส่องสว่าง ผมหลับตาฟังเพลงไปได้ซัก 15 นาที ได้ยินเสียงพี่แกเปิดประตูออกไปข้างนอก หลังจากนั้นซัก 5 นาทีค่อยกลับเข้ามาใหม่ แกตะโกนเรียกผม 3- 4 ครั้ง ผมเงยหน้าถามว่ามีอะไรพี่ แกบอกพี่เจอว่ะ ผมถามว่าเจออะไร แกบอกว่าเจอยืนอยู่ปลายเตียงผมเลย เงาสีดำๆ รูปร่างคล้ายผู้หญิงตัวสูง ผมบอกจริงหรือพี่ ผมไม่เห็นนะ (ตอนนั้นผมก็หลับตาอยู่แหละ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าถ้าลืมตาขึ้นมาจะเจอรึเปล่า)......


รูปบางส่วนมาจากภาพยนตร์เรื่อง ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ

แกยังเน้นย้ำว่าใช่ ตอนแรกที่แกออกไปข้างนอก ก็เพราะเห็น จนอุทานออกมาเสียงดัง แต่ผมเจือกไม่ได้ยิน พอแกออกไปข้างนอก ทำใจได้สติซักพัก ค่อยกลับเข้ามาอีกรอบ ส่วนผมเหรอครับ ตอนแรกก็นึกว่าพี่แกไปดูดบุหรี่ ที่ไหนได้ แมร่งเจอผี I Shipหาย! ตกลงกันเสร็จสรรพ คืนนี้ขอเปิดโคมไฟนอน พร้อมทีวี แต่ไม่เปิดไฟห้องส่วนสภาพพี่แกตอนนั้นนอนห่มผ้าหันหลังให้ฝั่งทางหน้าต่าง ที่อยู่ตรงปลายเตียง......


ผมแบบระแวง ส่วนผมก็ตาสว่างเลยล่ะครับ คือไม่กล้านอน เพราะถ้านอนแล้วรู้สึกตัวตื่นมากลางดึกแล้วมาเจอกูจะทำไงว่ะ สองคือถ้าไม่นอน แมร่งก็ต้องเฝ้าระแวงมองรอบห้องทั้งคืนว่าจะมีอะไรมั้ย ตกลงตอนนั้นผมก็เลยอยู่ในสองอาการ อีกอย่างเป็นห่วงพี่แก เกิดเจอคนเดียวแล้วช็อคตาย HA จะทำไงกันดี ห้องก็ไม่กล้าเปลี่ยนเดี๋ยวเขาว่าป๊อด ครั้นจะไปนอนกับน้องฝึกงานอีกคนมันก็ยังไงๆกันอยู่ ตกลงผมกับแกเลยต้องต่อสู้กับอะไรไม่รู้ที่มันลึกลับอยู่ในห้อง.....



เวลาผ่านไปล่วงเลยเกือบตีสอง ผมยังอยู่ในอาการหลับๆตื่นๆ จนมารู้สึกเหมือนจะโดนอะไรซักอย่างเข้าสิงร่าง (คาดว่าผีคงจะอำ) ก่อนจะร้องตะโกนออกมาดังๆ แบบหายใจไม่ค่อยออก Shipหาย! พี่แกไม่ได้ยินเสียงผมร้องเลยซักแอะ เท่านั้นไม่พอ แกก็เกิดฝันเหมือนกัน ในความฝันเล่าว่า ผมเปิดประตูห้องวิ่งออกไปข้างนอกตอนดึก เลยถัดไป 2-3 ห้อง ล้มลง พลางชี้กลับมาห้องตัวเอง ให้พี่แกดู ซึ่งพี่แกก็วิ่งตามผมออกมา ภาพที่แกเห็นคือหญิงชุดขาว ตัวสูงเสียดเพดาน หน้าดำคล้ำ ผมยาวเปียกน้ำแบบหมาดๆ ยืนหัวเราะใส่ผมกับแกสองคน อย่างสะใจ (ความฝันนี้เล่ากันตอนเช้า)




จากนั้นทั้งคืน นอกจากพี่แกเจอเงาดำๆยืนจ้องผมอยู่ปลายเตียง กับที่แกฝัน และผมฝัน ก็มีเพียงเสียงบนเพดานนิดหน่อย ประกอบเพิ่มความหลอน แต่ก็พยายามจะไม่คิดอะไรมาก รุ่งเช้าเก็บของเช็คเอาท์ออกตอนเกือบแปดโมงเช้า เปิดประตูออกมา เจอแม่บ้านโรงแรมเข้าชาร์จไปทำความสะอาดทันที แต่แรกกะจะถามว่าห้องนี้มีอะไรมั้ย ก็เลยไม่ใส่ใจ แล้วก็แล้วกันไป อย่าได้เจอกันอีก แต่ๆๆ เดี๋ยวก่อน ไอ้ผมมันคนขี้สงสัย ทำไมแม่บ้านถึงรู้ว่าพวกผมจะเช็คเอาท์ออกตอนไหน ทั้งๆที่ไม่ได้บอกล่วงหน้า และถ้าจะบอกว่ามันบังเอิญ ก็บังเอิญเกินไป ก็ห้องพักมีกันตั้ง 8 ชั้น!!เช็คเอาท์เสร็จ นั่งกินข้าวเช้าพร้อมสนทนาเรื่องเมื่อคืนกันสองคน ผมยังมีข้อสงสัยหลายประการที่ยังค้างคา......

1.ผมไม่ได้เจอด้วยตาตัวเองจริงๆ เพียงแค่มากสุดก็สัมผัสจากการลักษณะโดนผีอำ แต่การโดนผีอำมันก็มีหลักวิชาการทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถอ้างได้ ส่วนที่พี่แกเจอ ผมก็ไม่รู้จะพิสูจน์ยังไง?



2.ความไม่ชอบมาพากลหลายอย่าง ของเหตุการณ์ เช่น ความรู้สึกแรกเมื่อเห็นห้องพัก, เงินเหรียญตกตอนเปิดประตูออกมาแบบไม่รู้ว่ามันมาจากไหนแน่ชัด, แม่บ้านทำไมถึงรู้ว่าพวกผมเช็คเอาท์ออกกี่โมง?


3.ผมมาถ่ายรูปไหว้พระ 9 วัด ซึ่งตามหลักความเชื่อ ใครทำได้ก็มีบุญกุศลเยอะ และๆๆ หมายความว่า ถ้าผีสางนางไม้มาปรากฏตัวให้เห็น แสดงว่าเขามาขอส่วนบุญจากพวกผม สุดท้ายข้อสงสัยไม่ได้รับการคลี่คลาย อัตราความเชื่อสำหรับมีผมแค่ 70 เปอร์เซ็นต์ ทางออกก็เลยมาตกที่การไหว้พระทำบุญ แล้วอุทิศส่วนกุศลให้เขาไป ทำบุญไปให้แล้วหวังว่าอะไรคงจะดี ไม่มีอะไรตามมาหลอกหลอน เพราะสิ่งที่ผมไม่ต้องการคือ อย่ามาแสดงตัว อย่าตามมาด้วย อย่ามากวน ถ้ามีโอกาสทำบุญเมื่อไหร่เดี๋ยวจะทำไปให้..... บรื้อออออ.....
 

และแล้วก็มาถึงอันดับที่ 1 ของเรา


 

อันดับที่ 1 ก็คือ!!!


อันดับที่ 1
โรงแรมห้าดาวติดโรงพยาบาล ที่เชียงใหม่....


หลายคนคงจะเคยได้ยินเรื่องเล่าในเดอะช๊อค เพราะเป็นเรื่องที่ดังมาก น่ากลัวมาก เป็นโรงแรมที่มีอาณาบริเวณใกล้เคียงกับโรงพยาบาล!! 

ส่วนมันจะคือที่ไหนนะเหรอ .... ไม่บอกหรอก ฮ่าๆๆๆ....


เรื่องคือ คนเล่าไปเที่ยวช่วงปีใหม่ โรงแรมที่พักเป็นโรงแรม 5 ดาวของเชียงใหม่แล้วก็จองห้องไว้ แต่มาถึงเช้าแขกยังไม่เช็คอินห้องที่จะพักออก เลยขอเปลี่ยนห้องที่ว่างได้ห้องใหม่ที่ไม่ได้จองไว้ ซึ่งคนเล่ามากับเพื่อนทั้งหมดรวมตัวเองเป็นสามคนเพื่อนคนนึงก็เปิดหน้าต่าง ห้อง เห็นว่าหน้าต่างตรงกับดาดฟ้าโรงพยาบาลพอดี....
แล้วเพื่อนคนนี้ปกติ เป็นคนปากเร็ว เลยพูดไม่คิดว่า "โห เห็นดาดฟ้าโรงพยาบาลเลยหรอนี่ อัปมงคลสุดๆ"แต่ก็ยังไม่มีใครคิดอะไร ก็ออกไปเที่ยวกัน กลับมาเพื่อนคนเดิมก็ไปเปิดหน้าต่าง เห็นผู้หญิงอยู่บนดาดฟ้าก็เลยพูดว่า "คนบ้าอะไรว่ะ ไปนั่งอยู่คนเดียว" คนที่นั่งเป็นผู้หญิง ใส่ชุดโรงบาล คนเล่าก็คิดว่าสงสัยเค้าออกมานั่งเคาว์ดาวน์มั้ง ก็เลยออกไปเที่ยวกันตอนกลางคืน....



รูปบางส่วนมาจากภาพยนตร์เรื่อง เดอะลาสต์ซัมเมอร์

หลังเคาว์ดาวน์เสร็จกลับมา ก็นอนได้ยินเสียงเหมือนคนใช้เล็บกรีดกระจก ซึ่งมีหน้าต่างอยู่ตรงข้างเตียง และบนหัวเตียงของห้องด้วย เสียงกรีดกระจกก็ดังไล่มาจากข้างเตียงถึงหัวเตียงเลยนอกจากเสียงกรีดกระจก แล้ว เป็นเสียงร้องกรี๊ดๆ แล้วก็เสียงหัวเราะอ่ะ เพื่อนเจ้าของเรื่องเปิดม่านดูก็เห็นเป็นผู้หญิงเอาหน้ามาติดกระจก แล้วใช้นิ้วกรีดๆ กระจก หัวเราะฮะ ฮะ ฮะ.....


เห็นแบบนั้น คนเล่ากับเพื่อนเลยรีบลงมาที่ล็อบบี้ บอกพนักงานที่ฟร๊อน เค้าก็เข้าใจว่าเพราะทานแอลกอฮอล์กันรึปล่าวแต่คนเล่าก็บอกว่าไม่ได้กิน คนที่กินมีแค่เพื่อนในกลุ่มคนเดียว แต่เพื่อนเค้าอีกคนกับเค้าไม่ได้ดื่ม....ทางโรงแรมเลยจะเปลี่ยนห้องให้ แต่ต้องรอตอนเช้า เพราะแขกยังไม่เช็คเอาท์ออก คนเล่ากับเพื่อนก็ไม่กล้าขึ้นไปแล้ว นั่งรออยู่ล็อบบี้ ดื่มกาแฟไป จนถึงเช้า แขกออกก็ย้ายไปอีกห้อง ถัดจากห้องเดิมไป 4 ห้อง แต่ก็เปลี่ยนโรงแรมไม่ได้เพราะทุกที่เต็มหมด จะกลับก็ไม่ได้ เพราะจองตั๋วรถที่จะกลับ วางแผนการเดินทางไว้หมดแล้ว ก็เลยจำใจอยู่......

คืนต่อมาก็ยังเจอผู้หญิงคนนี้ คนเดิม เวลาเดิม ใช้เล็บกรีดกระจก พร้อมกรี๊ดและส่งเสียงร้องว่า กูจะฆ่าเมิงงง คนเล่ากับเพื่อนก็ลงมาที่ล็อบบี้อีกถามพนักงานฟร้อนท์ ก็ยืนยันว่าห้องที่อยู่ไม่มีเหตุการณ์อะไร คนเล่าก็ไม่กล้าขึ้นไปนอนอีก ก็เลยอยู่ที่ล็อบบี้ก็มีแม่บ้านเข้ามาถาม เจ้าของเรื่องก็เล่าที่เจอให้ฟัง ป้าเลยถามว่า อยากฟังไหม ถ้าอยากจะเล่าให้ฟัง พนักงานใหม่ไม่ค่อยรู้หรอก....






แต่ก่อนมีผู้ชายคนนึงมาสัมนาที่นี้ แล้วภรรยาก็ตามมาด้วย ภรรยาก็กำลังท้องอยู่ สามีมาที่นี้ก็แอบหนีไปเที่ยวกลางคืน ไปนอนกับเด็กงี้ ผู้หญิงก็เสียใจ มีปากเสียง จะฆ่าตัวตาย ก็กรีดข้อมือในห้องนั้นแหละ แต่ไม่สำเร็จถูกช่วยไว้ทัน ก็เอาตัวส่งโรงบาล แต่สามีก็ไม่เยี่ยมไม่สนใจก็เที่ยวเหมือนเดิม วันนึง เสียงโทรศัพท์สามีก็ดัง ภรรยาบอกว่าให้มองออกมาที่นอกหน้าต่างสิ พอผู้ชายมอง ก็เห็นภรรยาตัวเองอยู่บนดาดฟ้าถือโทรศัพท์อยู่ แล้ววิ่งโดดลงไปต่อหน้าสามีเลย ก็เสียชีวิต!!






หลังจากได้ฟังแบบนั้น เจ้าของเรื่องเลยไปทำบุญให้ผู้หญิงคนนี้ ก็จบเหตุการณ์ ไม่มีอะไรต่อ..... แต่สุดท้ายแล้วก็มีเหตุให้ได้เจอกันอีก 


หลังจากนั้นเจ้าของเรื่องได้ไปนั่งแท็กซี่ แล้วคนขับเล่าให้ฟังว่าทำบุญกับศพไร้ญาติแล้วถูกเลขมาหลายตัวเจ้าของเรื่องเลยอยาก ลองบ้าง ก็ทำตามแล้วก็ถูกจริงๆ เลยทำบุญไปให้ ปรากฏว่าดูชื่อแล้วเป็นคนเดียวกับผู้หญิงที่เจอที่เชียงใหม่คนเล่าก็ไม่เข้า ใจเหมือนกันว่า ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงเป็นศพไม่มีญาติ........
 


เป็นไงครับ สยองกันไหมล่ะ เหอๆๆๆ....


อ่านจบแล้วควรใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจนะครับ
เพราะบางทีมันอาจจะไม่ใช่เรื่องจริงก็ได้....

โดยเฉพาะในอันดับที่ 5 
เพราะชื่อเสียงเรียงนามคนเล่า เขาช่างโด่งดังสุดๆ อิอิอิ....


ก็แล้วแต่ท่านล่ะนะ ว่าจะเลือกเชื่อในส่วนไหน...ฮ่าๆ
 
วันนี้ก็ขอจบลงก่อน 
วันหน้าจะนำพาเอาเรื่องน่าสนใจมาฝากกันอีกนะจ้ะๆๆ....

ขอบคุณแหล่งที่มา
Wikipedia.org
Pantip.com
Dek-D.com

ติดตามอ่านเรื่องราวลึกลับ น่าฉงน ประวัติศาสตร์อันน่าค้นหา และ บางเรื่องราวที่ยังเป็นปริศนาไร้ซึ่งคำตอบได้ที่นี่ 
ทั้งเพจ บล๊อก และ ยูทูป!!

อัพเดทเรื่องราวต่างๆก่อนใคร : https://www.facebook.com/NopLucifer
อ่านบทความแบบละเอียด : http://nop-lucifer.blogspot.com/
ดูคลิปแบบย่อๆได้ทางยูทูป : http://www.youtube.com/c/NopLucifer999

2 ความคิดเห็น: